H&M เริ่มนโยบายเก็บค่าธรรมเนียมในการคืนสินค้าออนไลน์

EcommerceH&M เริ่มนโยบายเก็บค่าธรรมเนียมในการคืนสินค้าออนไลน์

ร้านค้าเสื้อผ้าแฟชั่นชื่อดังเริ่มเรียกเก็บค่าธรรมเนียมคืนสินค้าออนไลน์ในสหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร และส่วนใหญ่ของยุโรป ยกเว้นลูกค้าที่เป็นสมาชิก Loyalty Program

TL;DR

TL;DR

  • H&M ร้านค้าเสื้อผ้าแฟชั่นชื่อดังที่เผชิญกับปัญหาในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เนื่องจากยอดขายเสื้อผ้าลดลง
  • H&M จะขยายนโยบายการเก็บค่าธรรมเนียมคืนสินค้าออนไลน์ไปยังตลาดอื่นๆ ทั่วโลก โฆษกของร้านค้าเสื้อผ้าแฟชั่นชื่อยืนยันผ่านทางอีเมล
  • โฆษกยืนยันว่าตั้งแต่เดือนมิถุนายน H&M เรียกเก็บค่าธรรมเนียมคืนสินค้าออนไลน์ 1.99 ปอนด์ หรือประมาณ 250 บาท สำหรับลูกค้าในสหราชอาณาจักรและคิดค่าธรรมเนียมคืนสินค้าในสหรัฐอเมริกาที่ 5.99 ดอลลาร์สหรัฐ ในการคืนสินค้ากับลูกค้าที่ไม่ได้สมัครสมาชิก Loyalty program
  • โฆษกของบริษัทกล่าวว่า “เราเริ่มเรียกเก็บค่าธรรมเนียมคืนสินค้าออนไลน์ในหลายตลาดเมื่อไม่นานมานี้ … ในบางประเทศส่วนใหญ่ในยุโรป รวมถึงสหรัฐอเมริกา”

ทำไม H&M ถึงทำเช่นนี้?

ยังไม่ชัดเจนว่า H&M เรียกเก็บค่าธรรมเนียมคืนสินค้าออนไลน์เนื่องจากมียอดคืนสินค้าออนไลน์สูงกว่าหรือมีค่าใช้จ่ายมากกว่าการคืนสินค้าในร้านค้า ร้านค้าต้องการกระตุ้นให้สมาชิกสมัครโปรแกรมความภักดี หรือมีเหตุผลอื่นๆ โฆษกของ H&M ระบุว่าโปรแกรมความภักดีนั้นฟรี แต่ปฏิเสธที่จะตอบคำถามเกี่ยวกับเหตุผลที่ร้านค้าเริ่มเรียกเก็บค่าธรรมเนียมคืนสินค้าออนไลน์และขยายนโยบายนี้

การคืนสินค้าออนไลน์กลายเป็นปัญหาในธุรกิจอีคอมเมิร์ซ

ลูกค้าหลายคนสั่งซื้อสินค้าหลายรายการเพื่อลองสวมใส่ก่อนตัดสินใจซื้อ เช่นเดียวกับที่พวกเขาจะลองในตู้เสื้อผ้าของร้านค้า โฆษกของ H&M กล่าวว่า “เราพยายามช่วยให้ลูกค้าของเราหาขนาดและทรงที่ถูกต้องตั้งแต่เริ่มต้น เพื่อลดอัตราการคืนสินค้า”

สมาคมการค้าปลีกแห่งชาติ (National Retail Federation) พบว่าอัตราคืนสินค้ายังคงอยู่ที่ 16.5% ในปีที่แล้ว ซึ่งคิดเป็นมูลค่าสินค้าคืนกว่า 816 พันล้านดอลลาร์ นั่นหมายความว่าสำหรับทุกๆ 1 พันล้านดอลลาร์ในการขาย ร้านค้าปลีกรายเฉลี่ยต้องเสียค่าใช้จ่ายในการคืนสินค้า 165 ล้านดอลลาร์

นอกจากนี้ จากการวิจัยของสมาคมการค้าปลีกแห่งชาติพบว่า มีการหลอกลวงในกระบวนการคืนสินค้าสูงถึง 10.40 ดอลลาร์สำหรับทุกๆ 100 ดอลลาร์ของสินค้าที่ถูกคืน

ตามรายงานของสมาคมการค้าปลีกแห่งชาติ อัตราคืนสินค้าในร้านค้าและออนไลน์เท่ากันในปีที่แล้ว อย่างไรก็ตาม ต้นทุนและโลจิสติกส์แตกต่างกัน ร้านค้าปลีกต่างพยายามควบคุมค่าใช้จ่ายในการคืนสินค้าที่พุ่งสูงขึ้น เนื่องจากผู้บริโภคซื้อสินค้าออนไลน์มากขึ้นและซัพพลายเชนมีปัญหา โดยเฉพาะในช่วงที่เกิดการระบาดของ Covid

อย่างไรก็ตาม นี่เป็นเกมที่ต้องระมัดระวังและค่อนข้างมีความเสี่ยง เนื่องจากลูกค้าจำนวนมากมองว่านโยบายการคืนสินค้าที่เข้มงวดนั้นไม่เป็นธรรมหรือไม่สะดวก ตามผลการสำรวจล่าสุดจากบริษัทจัดการซัพพลายเชน Blue Yonder พบว่าเกือบ 60% ของผู้ตอบแบบสำรวจกล่าวว่านโยบายดังกล่าวทำให้พวกเขาเกิดความลังเลที่จะซื้อสินค้า

คำถามที่พบบ่อย

  • ทำไม H&M ถึงเรียกเก็บค่าธรรมเนียมคืนสินค้าออนไลน์?

ยังไม่ชัดเจนว่า H&M เรียกเก็บค่าธรรมเนียมคืนสินค้าออนไลน์เนื่องจากมียอดคืนสินค้าออนไลน์สูงกว่าหรือมีค่าใช้จ่ายมากกว่าการคืนสินค้าในร้านค้า ร้านค้าต้องการกระตุ้นให้สมาชิกสมัครโปรแกรมความภักดี หรือมีเหตุผลอื่นๆ

  • อัตราคืนสินค้าออนไลน์เท่ากับอัตราคืนสินค้าในร้านค้าหรือไม่?

ตามรายงานของสมาคมการค้าปลีกแห่งชาติ อัตราคืนสินค้าในร้านค้าและออนไลน์เท่ากันในปีที่แล้ว อย่างไรก็ตาม ต้นทุนและโลจิสติกส์แตกต่างกัน

  • ลูกค้าคิดอย่างไรกับนโยบายการคืนสินค้าที่เข้มงวด?

ตามผลการสำรวจล่าสุดจากบริษัทจัดการซัพพลายเชน Blue Yonder พบว่าเกือบ 60% ของผู้ตอบแบบสำรวจกล่าวว่านโยบายการคืนสินค้าที่เข้มงวดทำให้พวกเขาลังเลที่จะซื้อสินค้า

ก็ต้องมาติดตามกันต่อว่าเรื่องของโยบายเก็บค่าธรรมเนียมในการคืนสินค้าออนไลน์ จะมีผลกระทบต่อระบบมาถึงธุรกิจ Ecommerce ในบ้านเราหรือไม่ จะกระทบกับลูกค้าขนาดไหน หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์สำหรับคุณนะครับ

ที่มา Retaildive

https://www.retaildive.com/news/hm-expanding-online-return-fees-more-markets/694207/?utm_source=tldrmarketing

Related articles

เพิ่มยอดขายออนไลน์: กลยุทธ์ E-commerce ที่ต้องรู้

เรียนรู้กลยุทธ์ E-commerce ที่ช่วยเพิ่มยอดขายออนไลน์ ตั้งแต่การระบุกลุ่มเป้าหมาย การทำการตลาดดิจิทัล ไปจนถึงการสร้างประสบการณ์ผู้ใช้ที่ดี พร้อมตัวอย่างและสถิติล่าสุด
บทความก่อนหน้านี้
บทความถัดไป

Related Article

Perplexity เปิดตัว Labs: เขย่าวงการ AI ด้วยเครื่องมือสร้างคอนเทนต์แห่งอนาคต

Perplexity Labs คืออะไร? ค้นพบศักยภาพเครื่องมือ AI ใหม่จาก Perplexity ที่สร้างได้ทั้งรายงาน สเปรดชีต แดชบอร์ด และเว็บแอปฯ พร้อมวิธีที่ธุรกิจคุณจะนำไปใช้ประโยชน์ในการทำ AI consulting และ AI automation workflows

A2A (Agent to Agent) คืออะไร? ปฏิวัติการทำงานร่วมกันของ AI Agent

เจาะลึก A2A (Agent to Agent) โปรโตคอลเปิดที่ช่วยให้ AI Agent ต่างค่ายสื่อสารและทำงานร่วมกันได้ พร้อมประโยชน์สำหรับธุรกิจ SME และ AI consulting โดย Data-Espresso

MCP คืออะไร? เจาะลึกมาตรฐานใหม่ พลิกเกม AI Agent และ Workflow Automation

MCP (Model Context Protocol) คืออะไร? ทำความเข้าใจมาตรฐานเปิดที่ช่วยให้ AI Agent เชื่อมต่อข้อมูลภายนอกอย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมประโยชน์ ตัวอย่างการใช้งานใน n8n และอนาคตของ AI
สอบถามข้อมูล