15 เทคนิคประหยัด Operations บน Make.com [2025]

MAKE15 เทคนิคประหยัด Operations บน Make.com

สวัสดีครับเพื่อนๆ ชาว Data Espresso ทุกคน 👋 วันนี้เรามาคุยกันเรื่องการประหยัด Operations บน Make.com กันดีกว่า เชื่อว่าหลายคนคงกำลังมองหาวิธีลดต้นทุนการใช้งานแพลตฟอร์มอัตโนมัติสุดเจ๋งนี้อยู่แน่ๆ เพราะยิ่งใช้มากก็ยิ่งเปลือง Operations ใช่ไหมครับ? 😅

แต่ไม่ต้องกังวลไปครับ! วันนี้ผมจะมาแชร์ 15 เทคนิคเด็ดๆ ที่จะช่วยให้คุณประหยัด Operations บน Make.com ได้อย่างเหลือเชื่อ พร้อมแล้วก็ไปดูกันเลยครับ!

1. เชื่อมต่อฟอร์มกับข้อมูลหลัก

เริ่มต้นด้วยเทคนิคง่ายๆ แต่ได้ผลดีเยี่ยมครับ นั่นคือการเชื่อมต่อฟอร์มกับข้อมูลหลักของคุณ

💡 ลองนึกภาพว่าคุณมีฟอร์มสำหรับกรอกข้อมูลลูกค้า แทนที่จะให้พนักงานกรอกข้อมูลซ้ำๆ ทุกครั้ง เราสามารถเชื่อมต่อฟอร์มกับฐานข้อมูลลูกค้าที่มีอยู่แล้วได้

วิธีนี้จะช่วย:

  • ลดความผิดพลาดจากการกรอกข้อมูลด้วยมือ
  • ประหยัดเวลาในการทำงาน
  • ลดจำนวน Operations ที่ต้องใช้ในการประมวลผลข้อมูล

2. ใช้ Conditional Steps และ Branches

ต่อมาเรามาดูวิธีการจัดการกับกระบวนการที่มีหลายเงื่อนไขกันบ้างครับ

🤔 คุณเคยเจอปัญหาแบบนี้ไหม? Workflow ของคุณต้องทำงานแตกต่างกันไปตามประเภทของลูกค้า หรือมูลค่าของออเดอร์

วิธีแก้ก็คือ ใช้ Conditional Steps และ Branches ครับ!

  • Conditional Steps: ช่วยให้คุณกำหนดเงื่อนไขในการทำงานได้
  • Branches: แยกเส้นทางการทำงานตามเงื่อนไขที่แตกต่างกัน

การใช้ฟีเจอร์เหล่านี้จะช่วยให้ Workflow ของคุณ:

  • ยืดหยุ่นมากขึ้น
  • ประหยัด Operations โดยไม่ต้องสร้าง Workflow แยกสำหรับแต่ละกรณี
  • จัดการกับข้อยกเว้นต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

3. การเชื่อมหลายๆ Workflows เข้าด้วยกัน

เทคนิคนี้อาจฟังดูซับซ้อน แต่จริงๆ แล้วง่ายมากครับ

🔗 แทนที่จะสร้าง Workflow ขนาดใหญ่และซับซ้อน ลองแยก Workflow ออกเป็นส่วนๆ แล้วเชื่อมต่อกันด้วย Triggers หรือ Webhook

ตัวอย่างเช่น:

  • Workflow สำหรับการเสนอราคา
  • Workflow สำหรับการสั่งซื้อ
  • Workflow สำหรับการ Onboard ลูกค้าใหม่

วิธีนี้จะช่วยให้:

  • Workflow แต่ละส่วนทำงานได้เร็วขึ้น
  • ง่ายต่อการแก้ไขและปรับปรุง
  • ประหยัด Operations โดยรวม เพราะแต่ละ Workflow จะทำงานเฉพาะเมื่อจำเป็นเท่านั้น

4. เปลี่ยนจากการอนุมัติเป็นการแจ้งเตือน

นี่เป็นเทคนิคที่ผมชอบมากๆ เลยครับ เพราะช่วยลดคอขวดในกระบวนการทำงานได้อย่างมาก

🚦 แทนที่จะให้ผู้บริหารต้องอนุมัติทุกขั้นตอน เปลี่ยนเป็นการส่งอีเมลแจ้งเตือนแทน

ข้อดีของวิธีนี้:

  • ลดเวลารอคอยการอนุมัติ
  • ผู้บริหารยังคงรับทราบข้อมูลสำคัญ
  • ประหยัด Operations ที่ต้องใช้ในการรอการอนุมัติ

💡 Tips: คุณสามารถใช้ การใช้งานพื้นฐาน Make.com เพื่อสร้าง Workflow การแจ้งเตือนอย่างง่ายได้

5. ใช้ประโยชน์จาก Visual Workflow Builder

Make.com มีจุดเด่นที่ Visual Workflow Builder ที่ใช้งานง่ายมากครับ

🎨 ลองใช้ความสามารถนี้ให้เต็มที่:

  • ออกแบบ Workflow ด้วยบล็อก (โมดูล) ต่างๆ
  • ใช้โมดูลสำหรับดึงข้อมูล ส่งการแจ้งเตือน หรือประมวลผลข้อมูล

การใช้ Visual Workflow Builder อย่างชาญฉลาดจะช่วย:

  • ลดความซับซ้อนของ Workflow
  • ทำให้เห็นภาพรวมของกระบวนการได้ง่ายขึ้น
  • ประหยัด Operations โดยการออกแบบ Workflow ที่มีประสิทธิภาพ

6. ใช้ Filters และ Conditions อย่างชาญฉลาด

Filters และ Conditions เป็นเครื่องมือที่ทรงพลังมากๆ ในการประหยัด Operations ครับ

🔍 ลองนึกภาพว่าคุณมี Workflow ที่ต้องประมวลผลใบแจ้งหนี้จำนวนมาก

แทนที่จะประมวลผลทุกใบ คุณสามารถใช้ Filters เพื่อ:

  • กรองเฉพาะใบแจ้งหนี้ที่มีมูลค่าสูง
  • ประมวลผลเฉพาะลูกค้า VIP
  • จัดการเฉพาะรายการที่ต้องการความเร่งด่วน

วิธีนี้จะช่วย:

  • ลดจำนวน Operations ที่ต้องใช้โดยรวม
  • เพิ่มความเร็วในการทำงานของ Workflow
  • มุ่งเน้นทรัพยากรไปที่งานสำคัญ

7. ลดความซับซ้อนของกระบวนการ

บางครั้งเราอาจสร้าง Workflow ที่ซับซ้อนเกินความจำเป็นโดยไม่รู้ตัว

✂️ ลองทบทวน Workflow ของคุณและตัดขั้นตอนที่ไม่จำเป็นออก:

  • ระบุขั้นตอนที่ซ้ำซ้อน
  • ตัดกระบวนการที่ไม่สร้างมูลค่าเพิ่ม
  • รวมขั้นตอนที่คล้ายกันเข้าด้วยกัน

ผลลัพธ์ที่ได้:

  • ลดเวลาในการทำงานลง 25-40%
  • ประหยัด Operations อย่างมาก
  • Workflow ทำงานได้เร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

8. ใช้ Automation เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน

Automation เป็นหัวใจสำคัญของการประหยัด Operations ครับ

🤖 มองหาโอกาสในการ Automate งานที่ทำซ้ำๆ เช่น:

  • การส่งอีเมลตอบกลับอัตโนมัติ
  • การอัพเดทสถานะของงาน
  • การสร้างรายงานประจำวัน/สัปดาห์

ประโยชน์ที่ได้:

  • ลดความผิดพลาดจากการทำงานด้วยมือ
  • ประหยัดเวลาและทรัพยากรบุคคล
  • ลดจำนวน Operations ที่ต้องใช้ในระยะยาว

💡 Tips: หากคุณใช้ Make.com ฟรี คุณอาจต้องระวังข้อจำกัดบางอย่าง แต่ก็ยังสามารถสร้าง Automation ที่มีประสิทธิภาพได้

9. นำหลัก Lean และ Six Sigma มาใช้

หลักการ Lean และ Six Sigma อาจฟังดูเป็นทางการ แต่สามารถนำมาประยุกต์ใช้กับ Make.com ได้อย่างดีเยี่ยมครับ

📊 วิธีการนำมาใช้:

  • Lean: มุ่งเน้นการกำจัด “ขั้นตอนที่ไม่จำเป็น” ในกระบวนการ
  • Six Sigma: ระบุและแก้ไขข้อบกพร่องในกระบวนการ

ผลลัพธ์ที่ได้:

  • Workflow ที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้น
  • ลดความผิดพลาดและการทำงานซ้ำ
  • ประหยัด Operations โดยการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ

10. วางแผนปรับปรุงกระบวนการทางธุรกิจ

การวางแผนที่ดีเป็นกุญแจสำคัญในการประหยัด Operations ครับ

📝 ขั้นตอนในการวางแผน:

  1. วิเคราะห์กระบวนการปัจจุบัน
  2. ระบุจุดที่ต้องปรับปรุง
  3. ออกแบบ Workflow ใหม่บนพื้นฐานของการวิเคราะห์

ประโยชน์ที่ได้:

  • Workflow ที่ตอบโจทย์ธุรกิจมากขึ้น
  • ลดการใช้ Operations ที่ไม่จำเป็น
  • เพิ่มประสิทธิภาพโดยรวมของระบบ

11. สร้าง Workflow แบบ Agile

หลักการ Agile ไม่ได้ใช้แค่ในการพัฒนาซอฟต์แวร์เท่านั้น แต่สามารถนำมาใช้กับการออกแบบ Workflow บน Make.com ได้ด้วยครับ

🔄 แนวทางการทำ Agile Workflow:

  • เน้นการมีปฏิสัมพันธ์และการทำงานร่วมกัน
  • สร้าง Workflow ที่ปรับเปลี่ยนได้ง่าย
  • ทดสอบและปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง

ข้อดีของ Agile Workflow:

  • ยืดหยุ่นและปรับตัวได้เร็วตามความต้องการที่เปลี่ยนแปลง
  • ลดความเสี่ยงในการสร้าง Workflow ที่ไม่ตอบโจทย์
  • ประหยัด Operations ในระยะยาวด้วยการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง

12. ใช้เทคนิค Dovetailing Workflows

Dovetailing เป็นเทคนิคที่น่าสนใจมากๆ ในการจัดการ Workflow ที่ซับซ้อนครับ

🔗 วิธีการ Dovetail Workflows:

  • แยก Workflow ออกเป็นส่วนๆ ที่เล็กลง
  • สร้างจุดเชื่อมต่อระหว่าง Workflow
  • ใช้ Triggers เพื่อเริ่มต้น Workflow ถัดไปโดยอัตโนมัติ

ประโยชน์ของ Dovetailing:

  • ลดความซับซ้อนของ Workflow หลัก
  • ง่ายต่อการบำรุงรักษาและแก้ไข
  • ประหยัด Operations โดยการแยกการทำงานเป็นส่วนๆ

13. จัดสรรทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ

การจัดสรรทรัพยากรที่ดีเป็นกุญแจสำคัญในการประหยัด Operations ครับ

🧠 วิธีจัดสรรทรัพยากรอย่างชาญฉลาด:

  • วิเคราะห์ Workflow เพื่อหาจุดคอขวด
  • ระบุทรัพยากรที่จำเป็นสำหรับแต่ละขั้นตอน
  • จัดสรรทรัพยากรให้เหมาะสมกับความสำคัญของงาน

ผลลัพธ์ที่ได้:

  • ลดการใช้ Operations ที่ไม่จำเป็น
  • เพิ่มประสิทธิภาพโดยรวมของ Workflow
  • ใช้ทรัพยากรได้คุ้มค่ามากขึ้น

14. ใช้ RCM เพื่อลดต้นทุน

Revenue Cycle Management (RCM) เป็นเทคนิคที่นิยมใช้ในวงการสุขภาพ แต่สามารถนำมาประยุกต์ใช้กับ Make.com ได้เช่นกันครับ

💰 วิธีนำ RCM มาใช้:

  • วิเคราะห์กระบวนการที่เกี่ยวข้องกับรายได้
  • ระบุจุดที่สามารถลดต้นทุนได้
  • ใช้ Make.com เพื่อออกแแบบ Workflow ที่เพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการรายได้

ประโยชน์ของการใช้ RCM:

  • ลดต้นทุนการดำเนินงาน
  • เพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการรายได้
  • ประหยัด Operations โดยการจัดการกระบวนการอย่างมีระบบ

15. นำ BPM มาใช้เพื่อความเป็นเลิศในการดำเนินงาน

Business Process Management (BPM) เป็นแนวคิดที่สามารถนำมาใช้กับ Make.com เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพได้อย่างดีเยี่ยมครับ

🏆 วิธีนำ BPM มาใช้กับ Make.com:

  • วิเคราะห์และปรับปรุงกระบวนการทางธุรกิจ
  • ใช้ Make.com เพื่อสร้าง Workflow ที่สอดคล้องกับ BPM
  • มุ่งเน้นการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง

ผลลัพธ์ที่ได้จากการใช้ BPM:

  • ลดความซ้ำซ้อนในกระบวนการ
  • เพิ่มประสิทธิภาพในการจัดสรรทรัพยากร
  • ประหยัด Operations โดยการทำงานอย่างเป็นระบบ

สรุป

เอาล่ะครับ เราได้ผ่าน 15 เทคนิคการประหยัด Operations บน Make.com กันมาแล้ว! 🎉 ผมหวังว่าเทคนิคเหล่านี้จะช่วยให้คุณสามารถใช้งาน Make.com ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น และประหยัดค่าใช้จ่ายได้อย่างเป็นกอบเป็นกำเลยทีเดียว

💡 ความเห็นส่วนตัวของผม: การประหยัด Operations ไม่ได้หมายถึงการลดคุณภาพของงานลงนะครับ แต่เป็นการทำงานอย่างฉลาดขึ้น ใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า และสร้างผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้น

ถ้าคุณกำลังคิดจะยกเลิกบริการ Make.com เพราะค่าใช้จ่ายสูงเกินไป ลองนำเทคนิคเหล่านี้ไปใช้ก่อนนะครับ บางทีคุณอาจจะพบว่าสามารถประหยัดได้มากกว่าที่คิด! แต่ถ้าในที่สุดแล้วคุณยังต้องการยกเลิก ก็สามารถดู วิธียกเลิกบริการ Make.com ฉบับสมบูรณ์ ได้เลยครับ

สุดท้ายนี้ อย่าลืมว่าการออกแบบ Workflow ที่ดีเป็นทั้งศาสตร์และศิลป์นะครับ ต้องอาศัยทั้งความรู้ ประสบการณ์ และความคิดสร้างสรรค์ ลองเอาเทคนิคเหล่านี้ไปประยุกต์ใช้ แล้วมาแชร์ผลลัพธ์กันได้เลยครับ! 😊

#MakeAutomation #OperationsOptimization #WorkflowEfficiency

#datascience #generativeai #genai #dataespresso

.

Related articles

คู่มือสร้าง Scenario บน Make.com: เคล็ดลับสำหรับผู้ประกอบการและผู้บริหารด้านเทคโนโลยี 🚀

เรียนรู้วิธีสร้าง Scenario บน Make.com สำหรับผู้ประกอบการและผู้บริหาร IT ที่ต้องการสร้างระบบอัตโนมัติ ลดต้นทุน เพิ่มประสิทธิภาพ พร้อมเทคนิคขั้นสูงจากผู้เชี่ยวชาญ

เจาะลึกหน้าจอหลัก Make.com: ฟีเจอร์ซ่อนเร้นที่ผู้ประกอบการต้องรู้! 🚀

เรียนรู้วิธีใช้งานหน้าจอหลัก Make.com และฟีเจอร์ซ่อนเร้นสำหรับผู้ประกอบการ ลดต้นทุน เพิ่มประสิทธิภาพด้วย AI Automation พร้อมเทคนิคจากผู้เชี่ยวชาญ

Make AI Agents: ปฏิวัติระบบอัตโนมัติด้วย Make.com

ค้นพบวิธีใช้ AI Agents บน Make.com เพื่อสร้างระบบอัตโนมัติอัจฉริยะที่ปรับตัวได้ตามสถานการณ์จริง เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานแบบก้าวกระโดด

AI Agents: การปฏิวัติระบบอัตโนมัติแห่งอนาคต

AI Agents คืออะไร? ทำไมถึงเปลี่ยนโฉมหน้าการทำ Automation และใช้งานอย่างไรให้เกิดประโยชน์สูงสุดสำหรับธุรกิจของคุณ

Telegram bot: ทางเลือกทดแทน LINE Notify 🚀

เตรียมพร้อมรับมือการปิดตัวของ LINE Notify ด้วย Telegram Bot บน Make.com ทางเลือกที่ดีกว่า ฟรี 100% มีความสามารถมากกว่า และใช้งานง่ายกว่า พร้อมวิธีการเชื่อมต่อแบบละเอียดและตัวอย่างการนำไปใช้งานจริง

Related Article

Perplexity เปิดตัว Labs: เขย่าวงการ AI ด้วยเครื่องมือสร้างคอนเทนต์แห่งอนาคต

Perplexity Labs คืออะไร? ค้นพบศักยภาพเครื่องมือ AI ใหม่จาก Perplexity ที่สร้างได้ทั้งรายงาน สเปรดชีต แดชบอร์ด และเว็บแอปฯ พร้อมวิธีที่ธุรกิจคุณจะนำไปใช้ประโยชน์ในการทำ AI consulting และ AI automation workflows

A2A (Agent to Agent) คืออะไร? ปฏิวัติการทำงานร่วมกันของ AI Agent

เจาะลึก A2A (Agent to Agent) โปรโตคอลเปิดที่ช่วยให้ AI Agent ต่างค่ายสื่อสารและทำงานร่วมกันได้ พร้อมประโยชน์สำหรับธุรกิจ SME และ AI consulting โดย Data-Espresso

MCP คืออะไร? เจาะลึกมาตรฐานใหม่ พลิกเกม AI Agent และ Workflow Automation

MCP (Model Context Protocol) คืออะไร? ทำความเข้าใจมาตรฐานเปิดที่ช่วยให้ AI Agent เชื่อมต่อข้อมูลภายนอกอย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมประโยชน์ ตัวอย่างการใช้งานใน n8n และอนาคตของ AI
สอบถามข้อมูล