Make vs Zapier vs n8n: ศึกชิงบัลลังก์ Automation Platform ปี 2024 🤖👑

MarTechMake vs Zapier vs n8n: ศึกชิงบัลลังก์ Automation Platform ปี 2024 🤖👑

สวัสดีครับเพื่อนๆ ชาว Data-Espresso ทุกคน! วันนี้เรามาอัพเดทกันหน่อยว่าในปี 2024 นี้ เครื่องมือ automation ตัวไหนจะครองใจผู้ใช้งานมากที่สุด ระหว่าง Make, Zapier และน้องใหม่มาแรงอย่าง n8n 🚀

ถ้าคุณเป็นคนที่ชอบทำงานแบบอัตโนมัติ หรือกำลังมองหาวิธีประหยัดเวลาในการทำงาน บทความนี้มีคำตอบให้คุณแน่นอนครับ

Automation Platform คืออะไร ทำไมถึงสำคัญ?

Automation Platform ก็คือเครื่องมือวิเศษที่จะช่วยให้คุณเชื่อมต่อแอพต่างๆ เข้าด้วยกัน แล้วสั่งให้มันทำงานอัตโนมัติได้ครับ

ลองนึกภาพว่าคุณมีผู้ช่วยส่วนตัวที่คอยทำงานซ้ำๆ ให้คุณตลอด 24 ชั่วโมง ไม่มีวันลา ไม่มีวันหยุด แถมไม่บ่นอีกต่างหาก เจ๋งไหมล่ะครับ? 555+

ยกตัวอย่างง่ายๆ เช่น พอมีลูกค้ากรอกฟอร์มสั่งซื้อสินค้าใน Google Forms ปุ๊บ ระบบก็จะ:
1. ส่งข้อมูลไปเก็บใน Google Sheets
2. ส่งอีเมลยืนยันการสั่งซื้อให้ลูกค้า
3. แจ้งเตือนทีมงานผ่าน Slack
4. สร้างใบเสร็จใน accounting software

ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นโดยอัตโนมัติ โดยที่คุณไม่ต้องยุ่งเลยครับ สบายไหมล่ะ? 😎

💡 ในความเห็นของผม Automation Platform นี่สำคัญมากๆ เลยนะครับ โดยเฉพาะในยุคที่ทุกคนต้องการทำงานให้เร็วขึ้น มีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่ใช้เวลาน้อยลง ถ้าเราใช้เป็น มันช่วยประหยัดเวลาได้มหาศาลเลยครับ

รายการ: มาดูกันว่า Make, Zapier และ n8n ต่างกันยังไง

1. วิธีการทำงาน: Mindmap vs เส้นตรง vs สายเทคนิค

  • Make: ใช้วิธีการสร้าง workflow แบบ mindmap ครับ ทำให้เห็นภาพรวมของงานได้ชัดเจน เหมือนเรากำลังวาดแผนผังความคิดยังไงยังงั้นเลย
  • Zapier: ใช้วิธีการสร้าง automation แบบเส้นตรงและค่อนข้างตายตัว ง่ายๆ ตรงไปตรงมา เหมาะกับมือใหม่สุดๆ
  • n8n: มี interface ที่เป็นมิตรกับสายเทคนิคมากกว่า ปรับแต่งได้เยอะ ถ้าใครชอบเจาะลึกเรื่องเทคนิค น่าจะชอบตัวนี้



💡 จากประสบการณ์ส่วนตัว ผมว่า Make น่าจะเข้าถึงได้ง่ายที่สุดสำหรับคนทั่วไปนะครับ แต่ถ้าเป็นสายเทคนิค n8n อาจจะถูกใจมากกว่า ส่วน Zapier นี่ถ้าแค่อยากลองเล่นๆ ก็เริ่มได้ง่ายดีครับ

2. การติดตั้งและการใช้งาน: Cloud vs Self-hosted

  • Make: เป็นบริการแบบ cloud-based ครับ ใช้งานได้ทันทีผ่านเว็บ สมัครปุ๊บใช้ปั๊บเลย
  • Zapier: เป็นบริการแบบ cloud-based เช่นกัน ง่ายๆ สบายๆ ไม่ต้องตั้งค่าอะไรมาก
  • n8n: เป็น open-source platform ที่สามารถ self-host ได้ครับ แปลว่าคุณสามารถเอาไปติดตั้งบนเซิร์ฟเวอร์ของคุณเองได้ แต่ก็มีแบบ cloud ให้ใช้เหมือนกันนะ

#funfact: การ self-host อย่าง n8n อาจจะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาวได้นะครับ โดยเฉพาะถ้าคุณมี workflow เยอะๆ! แต่ก็ต้องมีคนดูแลระบบหน่อยนะ

💡 จากประสบการณ์ของผม n8n เหมาะมากสำหรับใช้ในบริษัทที่มีทีม IT คอยช่วยดูแล server ครับ ทำให้ประหยัดค่าใช้จ่ายได้เยอะเลย แต่ถ้าเป็นฟรีแลนซ์หรือทำงานส่วนตัว ผมว่า Make หรือ Zapier น่าจะสะดวกกว่าครับ

3. ความสามารถในการ Automate: ไร้ขีดจำกัด vs จำกัด vs ยืดหยุ่น

  • Make: สามารถ automate ได้แทบทุกแอปครับ ไม่มีข้อจำกัดเรื่องจำนวน actions เลยนะ ทำได้เยอะแค่ไหนก็ว่ามาเลย
  • Zapier: มีข้อจำกัดในเรื่องจำนวน actions ที่สามารถทำได้ต่อแอป แต่ชดเชยด้วยการมีแอพให้เชื่อมต่อเยอะมากๆ
  • n8n: มีความยืดหยุ่นสูงมากครับ สามารถปรับแต่งได้ตามต้องการ เหมาะกับ workflow ที่ซับซ้อน และที่เจ๋งสุดคือสามารถใช้ JavaScript เพิ่มความยืดหยุ่นได้ด้วย

ตัวอย่างเช่น ถ้าคุณต้องการ automate การส่งอีเมลหาลูกค้า 100 คนพร้อมกัน Make ทำได้สบายๆ แต่ Zapier อาจจะมีข้อจำกัดในเรื่องนี้ ส่วน n8n นี่ไม่ต้องพูดถึง ทำอะไรซับซ้อนๆ ได้หมดเลยครับ 555+

4. ราคา: คุ้มค่า vs แพงกว่า vs ยืดหยุ่น

  • Make: เริ่มต้นที่ $9/เดือน สำหรับ 10,000 operations เรียกว่าคุ้มสุดๆ ไปเลย
  • Zapier: เริ่มต้นที่ $19.99/เดือน สำหรับ 750 tasks แพงกว่า Make นิดหน่อย
  • n8n: แผน Basic อยู่ที่ $20/เดือน สำหรับ 10,000 executions

ลองมาคำนวณกันง่ายๆ นะครับ:
– Make: $0.0009 ต่อ operation
– Zapier: $0.027 ต่อ task
– n8n: $0.002 ต่อ execution

Make ถูกกว่า Zapier ประมาณ 30 เท่าเลยทีเดียว! 😱 ส่วน n8n ก็ถูกกว่า Zapier เหมือนกัน แต่แพงกว่า Make นิดหน่อย



💡 จากประสบการณ์ของผม Zapier ราคาแพงไปนิดนะครับ แต่ถ้ามี workflow ง่ายๆ ก็ใช้แบบฟรีไปก็ได้ ส่วน n8n ผมเอาไปใช้กับงานบริษัท เพราะมี IT ช่วยดูแล server ส่วน Make ผมใช้งานส่วนตัว คุ้มสุดแล้วครับ

ตารางเปรียบเทียบค่าใช้จ่ายระยะยาว , ที่มา n8n

5. การควบคุมข้อมูล: ฝากไว้กับเขา vs ดูแลเอง

  • Make และ Zapier: ข้อมูลอยู่บน cloud ของบริษัทเขาครับ สะดวกดี แต่ก็ต้องไว้ใจเขาหน่อย
  • n8n: ถ้าติดตั้งเอง ข้อมูลอยู่ที่เซิร์ฟเวอร์ของคุณ ปลอดภัยสุดๆ แต่ก็ต้องดูแลเองนะ

💡 ถ้าให้ผมวิเคราะห์ ถ้าคุณทำงานกับข้อมูลทั่วๆ ไป Make หรือ Zapier ก็โอเคแล้วครับ แต่ถ้าเป็นข้อมูลสำคัญๆ หรือความลับบริษัท การใช้ n8n แบบ self-host อาจจะปลอดภัยที่สุด แต่ก็ต้องมีคนดูแลระบบนะ

6. AI Features: มาก vs น้อย vs ปานกลาง

ก่อนอื่นต้องบอกก่อนนะครับว่า ทั้ง Make, Zapier และ n8n สามารถเชื่อมต่อกับ AI อย่าง ChatGPT, Claude หรือตัวอื่นๆ ได้หมดเลย ไม่มีปัญหาอะไร 555+ แต่วันนี้เรามาดูกันว่าแต่ละแพลตฟอร์มมี AI ของตัวเองที่ช่วยสร้าง workflow หรือ automation ให้เราได้ยังไงบ้าง

🔶️Make: ตอนนี้ยังไม่มี AI ที่ช่วยสร้าง workflow โดยตรงนะครับ แต่เขามี AI assistant ที่ช่วยตอบคำถามเกี่ยวกับการใช้งาน Make ได้ ช่วยประหยัดเวลาในการหาข้อมูลได้เยอะเลย

🔶️Zapier: เจ๋งสุดในเรื่องนี้เลยครับ เขามี AI ที่ชื่อว่า “Zapier AI” ที่สามารถ:
  – สร้าง Zap (workflow) จากคำอธิบายของเราได้
  – แนะนำ Zap ที่อาจจะมีประโยชน์กับเราจากการวิเคราะห์ Zap ที่เรามีอยู่
  – ช่วยแก้ไขปัญหาใน Zap ที่ไม่ทำงาน
  – สร้าง prompts สำหรับใช้กับ AI อื่นๆ โดยอัตโนมัติ

🔶️n8n: ยังไม่มี AI ที่ช่วยสร้าง workflow โดยตรงเหมือน Zapier ครับ แต่เขามี AI assistant ที่ช่วยตอบคำถามและให้คำแนะนำในการใช้งาน n8n ได้ นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ที่ช่วยในการ debug workflow ด้วย

ตัวอย่างหน้าจอของ n8n ครับ, ที่มา n8n

💡 ถ้าให้ผมวิเคราะห์ ตอนนี้ Zapier น่าจะเป็นผู้นำในเรื่อง AI ที่ช่วยสร้าง workflow นะครับ แต่ Make และ n8n ก็กำลังพัฒนาในส่วนนี้อยู่เหมือนกัน ถ้าคุณเป็นมือใหม่และอยากได้ AI ช่วยสร้าง automation Zapier น่าจะตอบโจทย์ที่สุดครับ

การนำไปใช้งานจริง

💡 จากประสบการณ์ของผม ถ้าเป็นบริษัทเล็กๆ หรือเพิ่งเริ่มต้น Zapier ก็พอใช้ได้ครับ แต่พอธุรกิจโตขึ้น อยากได้อะไรที่ซับซ้อนกว่านี้ Make หรือ n8n น่าจะตอบโจทย์กว่า

  • Make (9/10): เหมาะสำหรับคนที่ต้องการทำ workflow ซับซ้อน แต่ไม่อยากเขียนโค้ด ราคาคุ้มค่า ใช้งานง่าย เหมาะกับทั้งมือใหม่และมือโปร
  • Zapier (7/10): เหมาะสำหรับมือใหม่ หรือคนที่ต้องการเชื่อมต่อแอพหลายๆ ตัวแบบง่ายๆ ไม่ซับซ้อน มี AI features ที่น่าสนใจ
  • n8n (8.5/10): เหมาะสำหรับองค์กรที่มีทีม IT และต้องการควบคุมข้อมูลเอง หรือคนที่ชอบปรับแต่งระบบเอง ยืดหยุ่นสูง รองรับงานซับซ้อนได้ดี

💡 ถ้าให้ผมแนะนำ:

  • ถ้าคุณเพิ่งเริ่มต้นกับ automation ลองเล่น Zapier ดูก่อนก็ได้ครับ มันใช้ง่ายดี
  • ถ้าคุณทำธุรกิจส่วนตัวหรือ SME ผมว่า Make น่าจะคุ้มค่าที่สุด ทำอะไรซับซ้อนได้ แถมราคาไม่แพง
  • ถ้าคุณทำงานในบริษัทใหญ่ มีทีม IT ซัพพอร์ต และต้องการความปลอดภัยสูงสุด n8n น่าจะเหมาะที่สุดครับ

สุดท้ายนี้ คุณคิดว่าตัวไหนเหมาะกับคุณที่สุด? หรือถ้าใครมีประสบการณ์ใช้งานตัวไหนมาแล้ว มาแชร์กันได้เลยนะครับ ผมอยากรู้ว่าคนอื่นเขาคิดยังไงบ้าง 555+

ตัวอย่างการใช้งานของ Data-Espresso นะครับ

หน้าตาการใช้งานจริงด้วย Make ครับ



#AutomationPlatform #Make #Zapier #n8n #ProductivityHacks

ขอบคุณที่อ่านมาถึงตรงนี้นะครับ หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้คุณเลือก Automation Platform ที่เหมาะกับคุณได้ ถ้ามีข้อสงสัยอะไรเพิ่มเติม คอมเมนต์ถามได้เลยครับ ผมยินดีตอบทุกข้อสงสัย 😊

Related articles

15 เทคนิคประหยัด Operations บน Make.com [2025]

รวมเทคนิคการออกแบบ Workflow ให้ประหยัด Operations พร้อมวิธีเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนการใช้งาน Make.com

การใช้งาน Trigger ใน Make.com: รวมทุกเทคนิคที่ต้องรู้

เจาะลึกการใช้ Trigger ทุกประเภทใน Make.com พร้อมกรณีศึกษาและเทคนิคการเลือก Trigger ที่เหมาะสมกับงานแต่ละรูปแบบ

การเชื่อมต่อและใช้งาน API บน Make.com แบบครบวงจร [อัพเดต 2025]

วิธีเชื่อมต่อและใช้งาน API บน Make.com ตั้งแต่พื้นฐานจนถึงขั้นสูง พร้อมตัวอย่างการใช้งานจริงและเทคนิคแก้ปัญหา ฉบับอัพเดตล่าสุด

วิธียกเลิกบริการ Make.com ฉบับสมบูรณ์ [อัพเดต 2024]

คู่มือยกเลิกบริการ Make.com แบบละเอียด พร้อมวิธีสำรองข้อมูล ข้อควรระวัง และการโอนย้าย Workflow ไปยังแพลตฟอร์มอื่น

10 เครื่องมือ No-Code ยอดนิยมปี 2024 สร้างแอปได้แม้ไม่เขียนโค้ด

เจาะลึก 10 เครื่องมือ No-Code ยอดฮิตปี 2024 ที่ช่วยให้คุณสร้างแอปได้โดยไม่ต้องเขียนโค้ด พร้อมเทคนิคการใช้งานและกรณีศึกษาจริง

Related Article

Perplexity เปิดตัว Labs: เขย่าวงการ AI ด้วยเครื่องมือสร้างคอนเทนต์แห่งอนาคต

Perplexity Labs คืออะไร? ค้นพบศักยภาพเครื่องมือ AI ใหม่จาก Perplexity ที่สร้างได้ทั้งรายงาน สเปรดชีต แดชบอร์ด และเว็บแอปฯ พร้อมวิธีที่ธุรกิจคุณจะนำไปใช้ประโยชน์ในการทำ AI consulting และ AI automation workflows

A2A (Agent to Agent) คืออะไร? ปฏิวัติการทำงานร่วมกันของ AI Agent

เจาะลึก A2A (Agent to Agent) โปรโตคอลเปิดที่ช่วยให้ AI Agent ต่างค่ายสื่อสารและทำงานร่วมกันได้ พร้อมประโยชน์สำหรับธุรกิจ SME และ AI consulting โดย Data-Espresso

MCP คืออะไร? เจาะลึกมาตรฐานใหม่ พลิกเกม AI Agent และ Workflow Automation

MCP (Model Context Protocol) คืออะไร? ทำความเข้าใจมาตรฐานเปิดที่ช่วยให้ AI Agent เชื่อมต่อข้อมูลภายนอกอย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมประโยชน์ ตัวอย่างการใช้งานใน n8n และอนาคตของ AI
สอบถามข้อมูล