Make.com vs Power Automate: เลือกใช้ตัวไหนดีในปี 2024?

AI ToolMake.com vs Power Automate: เลือกใช้ตัวไหนดีในปี 2024?

สวัสดีครับเพื่อนๆ ชาว Data Espresso ทุกคน! 👋

วันนี้เรามาคุยกันเรื่องที่น่าสนใจมากๆ เลยนะครับ นั่นก็คือการเปรียบเทียบระหว่าง Make.com และ Power Automate สองเครื่องมือ Automation ที่กำลังมาแรงในตอนนี้ 🚀

ถ้าคุณกำลังมองหาวิธีที่จะทำให้งานของคุณง่ายขึ้น ประหยัดเวลามากขึ้น หรือแค่อยากจะลองเล่นกับเทคโนโลยีใหม่ๆ บทความนี้น่าจะช่วยคุณได้นะครับ 😉

ทำไมต้องใช้เครื่องมือ Automation?

ก่อนที่เราจะไปลึกกับการเปรียบเทียบ เรามาทำความเข้าใจกันก่อนว่าทำไมเราถึงต้องใช้เครื่องมือพวกนี้

ลองนึกภาพว่าคุณต้องทำงานซ้ำๆ ทุกวัน เช่น copy ข้อมูลจาก Excel ไปใส่ใน Google Sheets แล้วส่งเมลสรุปให้หัวหน้า… น่าเบื่อใช่ไหมล่ะครับ? 😴

นี่แหละครับคือเหตุผลที่เราต้องการ Automation! มันช่วยให้เราทำงานเหล่านี้อัตโนมัติ ประหยัดเวลา ลดข้อผิดพลาด และทำให้เรามีเวลาไปทำอย่างอื่นที่สำคัญกว่า

💡 จากประสบการณ์ส่วนตัว ผมเคยใช้เวลาเป็นชั่วโมงทำรายงานทุกสัปดาห์ พอใช้ Automation ช่วย เหลือแค่ไม่กี่นาทีเท่านั้นเอง!

Make.com คืออะไร?

Make คือเครื่องมือ Automation ที่ให้คุณสร้าง workflow แบบ visual ได้ง่ายๆ ครับ

จุดเด่นของ Make:

  • มี app integration มากกว่า 1000 ตัว
  • ใช้งานง่ายด้วย drag-and-drop interface
  • สร้าง scenario ที่ซับซ้อนได้
  • เหมาะกับทั้งมือใหม่และผู้เชี่ยวชาญ

Power Automate คืออะไร?

Power Automate เป็นส่วนหนึ่งของ Microsoft Power Platform ครับ

จุดเด่นของ Power Automate:

  • ใช้ AI ช่วยในการสร้าง workflow
  • รองรับการใช้ภาษาธรรมชาติ
  • มี AI Builder สำหรับงาน AI โดยเฉพาะ
  • เชื่อมต่อกับระบบของ Microsoft ได้ดี

เปรียบเทียบ Make.com vs Power Automate

มาดูกันว่าทั้งสองตัวนี้ต่างกันยังไงบ้าง

1. ความง่ายในการใช้งาน

Make.com:

  • Interface สวยงาม ใช้งานง่าย
  • Drag-and-drop ทำให้สร้าง workflow ได้เร็ว
  • เหมาะกับทั้งคนที่ไม่มีพื้นฐานโค้ดและโปรแกรมเมอร์

Power Automate:

  • ใช้ AI ช่วยในการสร้าง workflow
  • มี template สำเร็จรูปให้เลือกใช้
  • อาจจะซับซ้อนกว่าสำหรับผู้เริ่มต้น

💡 ถ้าให้วิเคราะห์ ผมว่า Make.com น่าจะเหมาะกับมือใหม่มากกว่า แต่ Power Automate ก็มีข้อดีในเรื่องของ AI ที่ช่วยงานได้เยอะ

2. ฟีเจอร์และความสามารถ

Make.com:

  • เชื่อมต่อกับแอพได้มากกว่า 1000 ตัว
  • สร้าง scenario ที่ซับซ้อนได้
  • มี function สำหรับจัดการข้อมูลหลากหลาย

Power Automate:

  • รองรับการใช้ภาษาธรรมชาติ
  • มี AI Builder สำหรับงาน AI โดยเฉพาะ
  • เชื่อมต่อกับระบบของ Microsoft ได้ดีมาก

3. ราคา

Make.com:

  • มีแผนฟรีให้ใช้งาน
  • แผนเริ่มต้นราคาไม่แพง
  • คิดราคาตาม operations ที่ใช้

Power Automate:

  • มีแผนฟรีสำหรับผู้ใช้ Microsoft 365
  • ราคาอาจจะสูงกว่าสำหรับฟีเจอร์ขั้นสูง
  • มีตัวเลือกสำหรับองค์กรขนาดใหญ่

💡 ในความเห็นของผม ถ้าคุณใช้ Microsoft 365 อยู่แล้ว Power Automate อาจจะคุ้มค่ากว่า แต่ถ้าต้องการความยืดหยุ่น Make.com น่าจะเหมาะกว่า

4. การรองรับภาษาไทย

Make.com:

  • ยังไม่รองรับภาษาไทยอย่างเป็นทางการ
  • แต่สามารถใช้งานกับข้อมูลภาษาไทยได้

Power Automate:

  • รองรับภาษาไทยในบางส่วน
  • เชื่อมต่อกับ Microsoft Translator ได้

ข้อดีและข้อเสียของแต่ละตัว

Make.com

ข้อดี:

  • ใช้งานง่าย เหมาะกับมือใหม่
  • มี integration หลากหลาย
  • ราคาเริ่มต้นไม่แพง

ข้อเสีย:

  • อาจจะไม่เหมาะกับองค์กรขนาดใหญ่
  • ไม่รองรับภาษาไทยอย่างเป็นทางการ

Power Automate

ข้อดี:

  • เชื่อมต่อกับระบบ Microsoft ได้ดีมาก
  • มีฟีเจอร์ AI ขั้นสูง
  • เหมาะกับองค์กรขนาดใหญ่

ข้อเสีย:

  • อาจจะซับซ้อนสำหรับมือใหม่
  • ราคาอาจจะสูงกว่าสำหรับฟีเจอร์ขั้นสูง

เลือกใช้ตัวไหนดี?

คำถามนี้ตอบยากนิดนึงนะครับ เพราะมันขึ้นอยู่กับความต้องการของแต่ละคน แต่ลองมาดูกันว่าแบบไหนเหมาะกับใครบ้าง

เลือก Make.com ถ้า:

  • คุณเพิ่งเริ่มต้นใช้ Automation
  • ต้องการความยืดหยุ่นในการเชื่อมต่อกับแอพต่างๆ
  • มีงบประมาณจำกัด
  • ชอบ interface ที่สวยงามและใช้งานง่าย

เลือก Power Automate ถ้า:

  • คุณใช้ Microsoft 365 อยู่แล้ว
  • ต้องการฟีเจอร์ AI ขั้นสูง
  • ทำงานในองค์กรขนาดใหญ่
  • ต้องการการรองรับภาษาไทยที่ดีกว่า

💡 จากประสบการณ์ส่วนตัว ผมชอบใช้ Make.com มากกว่าเพราะมันยืดหยุ่นกว่า แต่ถ้าทำงานในองค์กรที่ใช้ Microsoft เยอะ Power Automate ก็น่าสนใจไม่แพ้กัน

แนวโน้มในอนาคต

เทคโนโลยี Automation กำลังพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว ลองมาดูกันว่าในอนาคตจะมีอะไรน่าสนใจบ้าง

  1. AI จะมีบทบาทมากขึ้น
    • ทั้ง Make.com และ Power Automate กำลังพัฒนาฟีเจอร์ AI เพิ่มเติม
    • เราอาจจะได้เห็น AI ที่ช่วยสร้าง workflow อัตโนมัติจากการบอกเล่า
  2. No-code จะเป็นที่นิยมมากขึ้น
    • คนที่ไม่มีพื้นฐานโค้ดก็จะสามารถสร้าง automation ได้ง่ายขึ้น
    • อาจจะมีเครื่องมือใหม่ๆ ที่ใช้งานง่ายกว่านี้เกิดขึ้น
  3. การเชื่อมต่อจะกว้างขวางมากขึ้น
  • จะมี integration กับแอพและบริการใหม่ๆ มากขึ้น
  • การแชร์ข้อมูลระหว่างแพลตฟอร์มจะทำได้ง่ายขึ้น

💡 ในความเห็นของผม Automation จะกลายเป็นทักษะพื้นฐานที่ทุกคนควรมีในอนาคตอันใกล้นี้ เตรียมตัวกันไว้ให้ดีนะครับ! 😉

สรุป

ทั้ง Make.com และ Power Automate ต่างก็มีจุดเด่นของตัวเอง การเลือกใช้ขึ้นอยู่กับความต้องการและบริบทของแต่ละคน

  • Make.com เหมาะกับคนที่ต้องการความยืดหยุ่น ใช้งานง่าย และมีงบประมาณจำกัด
  • Power Automate เหมาะกับองค์กรที่ใช้ Microsoft 365 และต้องการฟีเจอร์ AI ขั้นสูง

ไม่ว่าคุณจะเลือกใช้ตัวไหน สิ่งสำคัญคือการลองใช้งานจริงและเรียนรู้เพิ่มเติมอยู่เสมอ

เริ่มต้นใช้งาน Make.com หรือ Power Automate วันนี้ แล้วคุณจะพบว่าชีวิตการทำงานของคุณจะง่ายขึ้นเยอะเลยล่ะครับ! 🚀

หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับทุกคนนะครับ ถ้ามีคำถามหรือข้อสงสัยอะไร comment ไว้ได้เลยนะครับ เดี๋ยวผมจะมาตอบให้ 😊

แล้วพบกันใหม่ในบทความหน้าครับ! 👋

#datascience #generativeai #genai #dataespresso

.

Short Link: https://data-espresso.com/gba8

Related articles

Lovable.dev คืออะไร? ถอดรหัส AI สร้างแอปที่ทำเงิน 100 ล้านเหรียญใน 8 เดือน

ถอดรหัสความสำเร็จของ Lovable.dev แพลตฟอร์ม AI สร้างแอปที่ทำเงินกว่า 100 ล้านเหรียญใน 8 เดือน ด้วยกลยุทธ์ Community-led และ Product-led growth ที่ธุรกิจของคุณก็นำไปปรับใช้ได้

รีวิว Qwen3-Coder: AI ผู้ช่วยเขียนโค้ดที่เก่งกาจและรอบด้าน

เจาะลึก Qwen3-Coder โมเดล AI เขียนโค้ดล่าสุดจาก Alibaba Cloud ที่ขึ้นแท่นอันดับ 1 บน SWE-Bench เหมาะสำหรับนักพัฒนาที่ต้องการยกระดับประสิทธิภาพและลดเวลาทำงาน

ลองใช้งาน liteLLM: จัดการ LLM API กว่า 100+ รายการในที่เดียว

สำรวจ liteLLM เครื่องมือโอเพ่นซอร์สที่ช่วยให้นักพัฒนาเรียกใช้ LLM APIs กว่า 100 รายการ เช่น OpenAI, Anthropic, Azure, Hugging Face ด้วย API รูปแบบเดียว

สอน Make.com ฟรี: คู่มือเริ่มต้นสำหรับมือใหม่ 2025

เริ่มต้นใช้ Make.com สร้าง automation workflow แบบ no-code ง่ายๆ ด้วยคู่มือเริ่มต้นสำหรับมือใหม่ พร้อมตัวอย่างจริงที่ใช้ได้เลย

Make AI Content Extractor: เครื่องมือใหม่ สลายกองเอกสารให้เป็นข้อมูลพร้อมใช้ด้วย AI

แนะนำเครื่องมือใหม่ Make AI Content Extractor ที่ช่วยดึงข้อมูลจากไฟล์ PDF, Word, รูปภาพ, และเสียง ให้เป็นข้อมูลพร้อมใช้ใน Make.com ลดขั้นตอนทำงานซ้ำซ้อน!

Related Article

เจาะลึก Google Agent Development Kit (ADK) ตัวช่วยสร้าง Agent อัจฉริยะจาก Google

ทำความรู้จัก Google Agent Development Kit (ADK) เฟรมเวิร์ก Open-Source สำหรับสร้าง AI Agent ที่ยืดหยุ่น ทรงพลัง และทำงานร่วมกับเครื่องมืออย่าง CrewAI ได้

GPT-5 โง่ลงจริงหรือ? Sam Altman ออกมาขอโทษ พร้อมแจงเหตุผลเบื้องหลัง

เกิดอะไรขึ้นเมื่อผู้ใช้บ่นว่า GPT-5 “โง่ลง” กว่าที่เคย? Sam Altman CEO ของ OpenAI ออกมาขอโทษและชี้แจงสาเหตุทางเทคนิค พร้อมเผยแนวทางแก้ไข สรุปทุกประเด็นที่คุณต้องรู้

เปิดตัว GPT-5: นวัตกรรม AI ที่เปลี่ยนโลกแห่งการสื่อสารและธุรกิจ

เจาะลึก GPT-5 โมเดล AI รุ่นล่าสุดจาก OpenAI ที่รวมการวิเคราะห์เชิงเหตุผลและการโต้ตอบที่รวดเร็วไว้ด้วยกัน พร้อมเปลี่ยนโลกการสื่อสารและขับเคลื่อนธุรกิจไปอีกขั้น
สอบถามข้อมูล