Big data คืออะไร และทำไม Big data จึงจำเป็น ในการทำธุรกิจในทุกวันนี้?

ในโลกดิจิทัลทุกวันนี้ ปริมาณข้อมูลที่ถูกสร้างขึ้นทุกวันมีจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลการซื้อขาย Ecomerce, ERP, social media, youtube, Digital marketing, ข้อมูลเหล่านี้สามารถนำมาวิเคราะห์ หรือ analyze เพื่อหา insight รูปแบบ แนวโน้ม และการเชื่อมโยงกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการวิเคราะห์ที่เกี่ยวข้องกับพฤติกรรม และการโต้ตอบลูกค้า ซึ่งคำว่า Big Data หมายถึง ชุดข้อมูลขนาดใหญ่มากๆ ที่ต้องผ่านการจัดการ ก่อนนำมาวิเคราะห์ หรือที่เรียกว่า Data Analytics และตีความเพื่อหา Action ต่างๆ ในการตัดสินใจต่อไป

graphs

คุณสมบัติของ Big Data

Big Data จะมีคุณลักษณะเฉพาะ ที่เรียกว่า Five Vs หรือ V 5 ตัว ได้แก่ Volume (ปริมาณ), Velocity (ความเร็ว), Variety (ความหลากหลาย), Veracity (ความน่าเชื่อถือ) และ Value (คุณค่า)

Five Vs ของ Big Data

  1. Volumn (ปริมาณ) หมายถึงจำนวนข้อมูลจำนวนมากที่ถูกสร้างขึ้นทุกวัน ขนาดหลาย terabyte
  2. Velocity (ความเร็ว) หมายถึงข้อมูลถูกสร้างขึ้นอย่างรวดเร็ว และ real-time และต้องวิเคราะห์เพื่อให้มีความเกี่ยวข้องกัน
  3. Variety (ความหลากหลาย) หมายถึงข้อมูลประเภทต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น structured data, unstructured data, semi-structured
  4. Veracity (ความน่าเชื่อถือ) เนื่องจากข้อมูลที่ถูกสร้างขึ้นอย่างมหาศาลนั้น การที่จะนำไปใช้ได้จะต้องมีความน่าเชื่อถือ มีที่มาที่สามารถพิสูจน์ได้ และต้องมีความถูกต้อง
  5. Value (คุณค่า) คุณสมบัติสุดท้ายที่มีความสำคัญที่สุดคือ Big Data จะต้องเป็นข้อมูลที่สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับองค์กร หากไม่สามารถวิเคราะห์เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับองค์กรได้ การมี Big Data ก็ไร้ความหมาย

person

ความสำคัญของ Big Data ในการทำธุรกิจในยุคปัจจุบัน

ข้อมูลที่เราเก็บเลือกและไว้ใน Big Data จะไม่มีค่าเลยหากไม่มีการนำมาใช้งาน ซึ่ง การจะใช้ประโยชน์จาก Big data นั้นสามารถใช้เทคนิคต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น การใช้ Machine Learning, Data Mining การทำ Natural Language Processing (NLP) หรือ Deep Learning ช่วยให้นักวิเคราะห์ข้อมูลสามารถ ค้นหารูปแบบ (Pattern) หรือ Trend ของข้อมูลขนาดใหญ่ ที่บางครั้งไม่สามารถใช้วิธีการปกติทั่วไปได้ ซึ่งช่วยให้ตัดสินใจได้ดีขึ้น หรือที่เรียกว่า data-driven decision making หรือ การค้นหาโอกาสใหม่ๆ ในการทำธุรกิจ รวมไปจนถึงการสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ ให้กับองค์กรต่อไป ยกตัวอย่างเช่น จากการตรวจสอบข้อมูลการสั่งซื้อในอดีตของลูกค้า เราสามารถนำข้อมูลลูกค้ามาจัดกลุ่มเพื่อทำ Segmentation ว่าเรามีลูกค้าอยู่ทั้งหมดกี่กลุ่ม แต่ละกลุ่มมีความชื่อชอบในสินค้าใดบ้าง และเราจะทำ marketing compaign การตลาดให้ตรงใจกับลูดค้าแต่ละกลุ่มได้อย่างไร หรือไม่ว่าจะเป็นการพยากรณ์ความต้องการของลูกค้า (customer) เพื่อให้เราสามารถจัดการคลังสินค้าล่วงหน้าได้อย่างเหมาะสม เหล่านี้เป็นเพียงตัวอย่างเบื้องต้นเท่านั้น หรือการนำข้อมูลจำนวนมาก มาสร้าง Chatbot AI (Artificial Intelligence) เพื่อช่วยตอบคำถามลูกค้าที่เหมาะสมให้เร็วที่สุด

สรุปความสำคัญของ Big Data

โดยสรุป Big Data หมายถึงชุดข้อมูลขนาดใหญ่มากที่ต้องผ่านกระบวนการคิดเพื่อทำการจัดเก็บ การ Cleansing ข้อมูล การวิเคราะห์และตีความ ไปจนถึงการนำไปใช้ Big Data นั้นกลายเป็นสิ่งจำเป็นในโลกดิจิทัลในปัจจุบันไปแล้ว เนื่องจากข้อมูลดิจิทัลจำนวนมากถูกสร้างขึ้นทุกวัน การเลือกจัดเก็บข้อมูลที่สำคัญ การ Cleansing และการจัดรูปแบบให้ข้อมูลสามารถนำไปใช้งานต่อ ทั้งการ วิเคราะห์ขั้นสูง การทำ Dashboard, Report, Business Intelligence จะช่วยผลักดันองค์กรให้สามารถดูแลลูกค้าได้ดี จัดการ Operation ได้อย่างมีประสิธิภาพ ค้นหาโอกาสใหม่ๆ สร้างนวัตกรรมที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า และทำให้เติบโตได้อย่างรวดเร็วในโลกที่มีการแข่งขันสูงอย่างปัจจุบัน หากใครไม่เริ่มทำ ก็ควรลงมือทำตอนนี้เลยครับ ยังไม่สาย

การใช้ประโยชน์จาก Big Data ในโลกธุรกิจปัจจุบัน

ตัวอย่างการใช้ Big Data:

  • การทำนายความต้องการของลูกค้า: บริษัทอีคอมเมิร์ซใช้ Big Data ในการวิเคราะห์พฤติกรรมซื้อขายของลูกค้าเพื่อทำนายความต้องการของตลาดและปรับกลยุทธ์การจัดสต๊อกสินค้า.
  • การวิเคราะห์สื่อสังคมออนไลน์: การใช้ Big Data ในการวิเคราะห์ข้อมูลจากโซเชียลมีเดียช่วยให้ธุรกิจติดตามแนวโน้มและความสนใจของผู้บริโภค.
  • การจัดการความเสี่ยง: สถาบันการเงินใช้ Big Data ในการวิเคราะห์ความเสี่ยงและการประเมินเครดิตของลูกค้า.

การทำงานร่วมกับ Generative AI:

Generative AI เป็นเทคโนโลยีที่สามารถสร้างเนื้อหาใหม่ๆ อย่างอิสระ ซึ่งการนำ Big Data มาปรับใช้กับ Generative AI ช่วยให้สร้างผลิตภัณฑ์หรือบริการที่ตอบสนองความต้องการของตลาดได้ดียิ่งขึ้น. ตัวอย่างเช่น:

  • การพัฒนาผลิตภัณฑ์: ใช้ Big Data ในการวิเคราะห์ความต้องการและความชอบของผู้บริโภค, แล้วใช้ Generative AI ในการสร้างต้นแบบผลิตภัณฑ์หรือบริการที่เหมาะสม.
  • การสร้างเนื้อหาที่เป็นส่วนตัว: ใช้ Big Data ในการเข้าใจลูกค้าและใช้ Generative AI เพื่อสร้างเนื้อหาหรือโฆษณาที่มีการปรับแต่งเฉพาะบุคคล.
  • การสร้างนวัตกรรมในการออกแบบ: รวมข้อมูลจาก Big Data เกี่ยวกับลักษณะทางการตลาดและแนวโน้มในอนาคตเข้ากับ Generative AI เพื่อสร้างแนวคิดใหม่ๆ ในการออกแบบสินค้าหรือบริการ.
    การผสานการใช้งานระหว่าง Big Data และ Generative AI เป็นกลยุทธ์ที่ช่วยเพิ่มความสามารถในการวิเคราะห์ข้อมูลและการสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ ให้กับธุรกิจในยุคดิจิทัล.

🔍 คำถามที่พบบ่อย (FAQ) เกี่ยวกับ Big Data

Q: Big Data คืออะไร?
A: Big Data หมายถึงชุดข้อมูลขนาดใหญ่ที่เกิดขึ้นจากแหล่งข้อมูลหลากหลาย, ซึ่งมีปริมาณมากและเติบโตอย่างรวดเร็ว. Big Data ไม่เพียงแต่รวมถึงข้อมูลที่มีโครงสร้าง, แต่ยังรวมถึงข้อมูลที่ไม่มีโครงสร้างและ semi-structured ด้วย.

Q: ทำไม Big Data ถึงจำเป็นในธุรกิจปัจจุบัน?
A: Big Data ช่วยให้ธุรกิจสามารถตัดสินใจได้อย่างมีข้อมูลเชิงลึก, เข้าใจลูกค้าและตลาดได้ดีขึ้น, และสามารถค้นพบโอกาสใหม่ๆ ในการเติบโต. ข้อมูลขนาดใหญ่ช่วยให้ธุรกิจสามารถทำการวิเคราะห์แบบเจาะลึกและพัฒนากลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพ.

Q: อะไรคือคุณสมบัติหลักของ Big Data?
A: คุณสมบัติหลักของ Big Data มักถูกกล่าวถึงในรูปแบบ "Five Vs" ได้แก่ Volume (ปริมาณ), Velocity (ความเร็ว), Variety (ความหลากหลาย), Veracity (ความน่าเชื่อถือ), และ Value (คุณค่า).

Q: ธุรกิจขนาดเล็กสามารถใช้ประโยชน์จาก Big Data ได้อย่างไร?
A: ธุรกิจขนาดเล็กสามารถใช้ Big Data ในการวิเคราะห์พฤติกรรมลูกค้า, ตลาดเป้าหมาย, และการพัฒนาผลิตภัณฑ์หรือบริการให้ตอบโจทย์ลูกค้าได้ดีขึ้น. การใช้เครื่องมือวิเคราะห์ข้อมูลที่เหมาะสมสามารถช่วยให้ธุรกิจขนาดเล็กเข้าถึงข้อมูลเชิงลึกที่มีคุณค่า.

Q: การใช้ Big Data ต้องมีทักษะหรือเครื่องมือพิเศษอะไรบ้าง?
A: การใช้ Big Data อย่างมีประสิทธิภาพต้องการทักษะในการวิเคราะห์ข้อมูล, เช่น Data Mining, Machine Learning และการใช้เครื่องมือเฉพาะทางอย่าง Hadoop, Apache Spark หรือโปรแกรม Business Intelligence เพื่อช่วยในการวิเคราะห์และการตีความข้อมูล.

Similar Posts

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *