ในโลกที่หมุนไปตามจังหวะของ AI หรือ ปัญญาประดิษฐ์ มีเรื่องน่ากังวลที่เราๆ ควรรู้ครับ เพราะดูเหมือนว่าโลกเทคโนโลยีสุดล้ำนี้อาจจะไม่ได้แข่งขันแบบท่าเทียมอย่างที่เราคิด เดี๋ยวผมจะเล่าให้ฟังว่าเกิดอะไรขึ้น
.
อำนาจรวมอยู่ที่ไม่กี่บริษัท
เราจะเห็นได้ว่าเงินมหาศาลถูกทุ่มไปที่บริษัทสร้าง AI แค่บางเจ้า อย่าง OpenAI หรือ Anthropic พวกนี้มีทั้งทุนหนาและทีมนักพัฒนาสุดเทพ ทำให้มีอำนาจนำในวงการ แบบว่าใครเงินไม่ถึงก็ตามไม่ทันนะ! ผลก็คือเกิดการผูกขาดดีๆ นี่เอง เหมือนเรามีผู้เล่นในสนามแค่ไม่กี่คน
.
จาก “ทำ AI เพื่อโลก” สู่ “ทำเงินเพื่อบริษัท”
ผู้ร่วมก่อตั้ง OpenAI หลายคนรวมถึง Elon Musk เอง ก็เริ่มไม่แฮปปี้ว่าบริษัทอาจจะออกนอกลู่นอกทาง แทนที่จะมุ่งสร้าง AI ปลอดภัยเพื่อมนุษยชาติ ดันกลายเป็นไปรับใช้ยักษ์ใหญ่อย่าง Microsoft ซะนี่! นี่ก็เป็นจุดที่เราเห็นได้ว่าเงินทุนมหาศาลอาจจะทำให้เราได้ AI ที่เก่งจริง แต่ดีต่อโลกหรือเปล่า? อันนั้นอีกเรื่อง
.
ใครเงินน้อยก็เงียบไป
ในเมื่อสนามนี้เล่นใหญ่ คนที่ไอเดียดีแต่เงินทุนไม่หนาคงลำบากหน่อย ผลคือเทคโนโลยีสุดล้ำนี้ก็อาจจะมาจากบริษัทเดียว ไอเดียเดียว แบบนี้วงการมันก็ไม่เดินหน้าสิ!
.
AI อาจจะไม่ได้พัฒนาเพื่อส่วนรวม
ทีนี้พอการสร้าง AI อยู่ในมือแค่ไม่กี่บริษัท มันก็เริ่มน่ากลัวว่าเทคโนโลยีดีๆ อาจจะถูกใช้เพื่อผลประโยชน์แค่ของกลุ่มคนกลุ่มหนึ่ง ไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาโลกแบบที่เราคาดหวัง ใครๆ ก็คงไม่อยากได้ AI ที่ทำให้เหลื่อมล้ำยิ่งกว่าเก่าหรอกนะ
.
Open-source AI = ทางรอดของวงการ
เราคงต้องพึ่งการพัฒนา AI แบบ Open-source หรือเปิดให้ใครก็ได้ไปปรับปรุงต่อ เพื่อให้วงการมันกระจายตัว และผลประโยชน์ก็จะตกถึงคนหมู่มากด้วย แต่ตอนนี้ต้องยอมรับว่าวงการ AI ยังไม่ได้คุยเรื่องนี้อย่างจริงจังเท่าไหร่
.
สรุปคือ… ดูเหมือนพวก Tech ยักษ์ใหญ่กำลังกุมอำนาจในการพัฒนา AI ซึ่งไม่ใช่เรื่องดีต่ออนาคตของพวกเราเลยครับ มันขัดกับความคิดที่ว่าเทคโนโลยีเจ๋งๆ ควรจะทำให้โลกดีขึ้น ไม่ใช่อยู่ในมือคนไม่กี่คนเพื่อหาเงินเข้ากระเป๋าตัวเอง การผูกขาดแบบนี้อาจจะทำให้เรามี AI เทพจริง แต่เป็น AI ที่ไม่ช่วยชาวบ้านอย่างเราๆ เลยก็ได้นะ
คิดเห็นยังไงมาเม้าท์กันต่อได้เลยครับ!