สรุปหนังสือ Marketing 6.0 ของ Philip Kotler

Headlineสรุปหนังสือ Marketing 6.0 ของ Philip Kotler

สวัสดีครับ วันนี้ผมจะมาสรุปหนังสือ Marketing 6.0 ของ Philip Kotler ผ่านมุมมองส่วนตัวนะครับ

.

ผมเพิ่งได้อ่านหนังสือเล่มล่าสุดของ Philip Kotler เรื่อง Marketing 6.0: The Future Is Immersive จบไปเมื่อไม่นานมานี้ ต้องบอกเลยว่าเป็นหนังสือที่ช่วยเปิดโลกทัศน์ใหม่ๆ ให้กับผมในฐานะนักการตลาดยุคใหม่เลยทีเดียว

.

จากที่ผมเคยคิดว่าการทำการตลาดแบบ Omnichannel ที่เชื่อมโยงประสบการณ์ของลูกค้าทั้งในโลกออนไลน์และออฟไลน์อย่างไร้รอยต่อนั้นเป็นเรื่องที่ล้ำสมัยแล้ว แต่ Kotler กลับมองไปไกลกว่านั้นอีก เขาเสนอแนวคิด “Metamarketing” ที่จะเป็นการตลาดในยุคถัดไป ซึ่งไม่ได้แค่เชื่อมโยงโลกจริงกับโลกดิจิทัลเท่านั้น แต่ยังขยายไปถึงโลกเสมือนจริงอย่าง Metaverse ด้วย

.

ในโลกของ Metaverse ที่ผสานเอา AR, VR, AI เข้าด้วยกัน แบรนด์จะสามารถสร้างประสบการณ์ที่ “ดื่มด่ำ” (Immersive) ให้กับลูกค้าได้มากกว่าที่เคย ไม่ว่าจะเป็นการเปิดร้านค้าเสมือนจริงที่ลูกค้าสามารถเดินเข้าไปเลือกซื้อสินค้าได้เหมือนในโลกจริง หรือการสร้างกิจกรรมส่งเสริมการขายในรูปแบบเกมที่ให้ลูกค้าได้มีส่วนร่วมอย่างสนุกสนาน 🌀

.

ซึ่งการจะทำให้เกิดประสบการณ์แบบนั้นได้นั้น ต้องอาศัยการนำเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาช่วยในการศึกษาและวิเคราะห์พฤติกรรมผู้บริโภคให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น เพื่อจะได้ส่งมอบคุณค่าที่ตรงใจและเป็นส่วนตัวมากที่สุด

.

🧠 ตัวอย่างเช่น ร้านอาหารเครือข่ายยักษ์ใหญ่อย่าง McDonald’s ก็ได้นำเทคโนโลยี Digital Billboard มาปรับเปลี่ยนเนื้อหาโฆษณาให้เหมาะสมกับบริบทแวดล้อมและพฤติกรรมของผู้คนในแต่ละช่วงเวลา เพื่อดึงดูดลูกค้าได้อย่างตรงจุดมากขึ้น

.

หรือแม้แต่ Bestore ร้านขนมในจีนที่ใช้เทคโนโลยียี AI และ Face Recognition มาวิเคราะห์อารมณ์และพฤติกรรมของลูกค้า แล้วนำมาปรับโปรโมชันและส่วนลดให้เหมาะสมกับแต่ละคนด้วย ประสบการณ์ส่วนตัวระดับไฮเอนด์อย่างนี้ ถ้าไม่มีเทคโนโลยีก็คงเป็นไปไม่ได้เลย

.

นอกจากนั้นแล้ว Kotler ยังได้กล่าวถึงความสำคัญของการสร้างแบรนด์ผ่านการเล่าเรื่องราว (Storytelling) ที่สามารถสร้างการมีส่วนร่วมและความผูกพันกับลูกค้าได้อย่างลึกซึ้ง รวมถึงการผลักดันความยั่งยืนผ่านกลยุทธ์การตลาด ซึ่งเป็นสิ่งที่ลูกค้ายุคใหม่ให้ความสนใจเป็นอย่างมาก

.

แต่สิ่งที่ผมประทับใจมากที่สุดจากหนังสือเล่มนี้ก็คือ การที่ Kotler ได้อธิบายถึงเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่จะมาช่วยยกระดับประสบการณ์ของลูกค้าให้ดื่มด่ำมากขึ้นไปอีก อย่างเช่น:

– Haptic Technology ที่จะทำให้เราสามารถจำลองการสัมผัส รส และกลิ่นในโลกเสมือนได้ ซึ่งจะช่วยให้แบรนด์อาหารหรือเครื่องสำอางสามารถให้ลูกค้าได้ทดลองสินค้าได้อย่างสมจริงมากขึ้น

– Emotion AI ที่สามารถอ่านอารมณ์ความรู้สึกของลูกค้าผ่านสีหน้าท่าทางและน้ำเสียง เพื่อปรับเปลี่ยนประสบการณ์ให้ตรงใจลูกค้ามากที่สุดในแต่ละช่วงเวลา

– Digital Human หรือ AI ที่จำลองมนุษย์ขึ้นมาเพื่อให้บริการลูกค้าแบบ 1-1 ได้อย่างเป็นธรรมชาติ ช่วยสร้างความผูกพันกับแบรนด์ได้ดีขึ้น

.

แม้ว่าเทคโนโลยีเหล่านี้จะยังมีราคาแพงและอยู่ในช่วงเริ่มต้น แต่ผมเชื่อว่าในอนาคตอันใกล้ เมื่อต้นทุนถูกลงและเทคโนโลยีเข้าถึงได้ง่ายขึ้น เราจะได้เห็นหลายแบรนด์นำมาใช้เพื่อสร้างประสบการณ์ที่น่าตื่นตาตื่นใจให้กับลูกค้ามากขึ้นแน่นอน โดยเฉพาะกับกลุ่ม Gen Z และ Gen Alpha ที่จะกลายเป็นกำลังซื้อหลักในอนาคต

สำหรับนักการตลาดอย่างเรา สิ่งที่ควรทำตอนนี้คือ ติดตามเทรนด์ของ Metaverse และเทคโนโลยีใหม่ๆ อย่างใกล้ชิด พร้อมทดลองนำมาปรับใช้กับแบรนด์ของเราทีละน้อย เพื่อให้พร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่กำลังจะมาถึงในโลกของการตลาดครับ

พูดมาเยอะแล้วละ สรุปก็คือ อนาคตการตลาดจะเป็นอย่างไรนั้น คงต้องลุ้นกันต่อไปเรื่อยๆ แต่ผมหวังว่าทุกคนจะพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญนี้ไปด้วยกันนะครับ

ติดตามความเคลื่อนไหวเพิ่มเติมเกี่ยวกับเทรนด์การตลาดยุคใหม่ได้ที่ data-espresso.com และ Facebook Page ของเรานะครับ

#Marketing6.0 #ImmersiveExperience #Metaverse #AI #DigitalTransformation

 

Related articles

การใช้ Cline บน VSC Code เพื่อใช้ AI ช่วยเขียนโปรแกรม: คู่มือฉบับสมบูรณ์จาก Data-Espresso

เรียนรู้วิธีใช้ Cline AI บน VS Code เพื่อปฏิวัติการเขียนโปรแกรมของคุณ! เพิ่มประสิทธิภาพ ลดข้อผิดพลาด และเร่งการพัฒนาซอฟต์แวร์ด้วยผู้ช่วย AI อัจฉริยะ อ่านเลย!

Google เปิดตัว Gemini AI Ultra กับผลกระทบของการทำงานจริงหรือ?

เจาะลึก Google Gemini AI Ultra จากงาน I/O 2025 ฟีเจอร์ใหม่ ผลกระทบต่อการทำงาน และวิธีที่ธุรกิจ SME จะปรับตัวและใช้ประโยชน์จาก AI เพื่อการเติบโต โดย Data-Espresso

MCP A2A Protocol กับ AI: การเปลี่ยนแปลงใหม่ในโลกดิจิทัล

ทำความเข้าใจ MCP และ A2A Protocol มาตรฐานใหม่ที่ปฏิวัติการทำงานร่วมกันของ AI Agents และผลกระทบต่อธุรกิจ รวมถึงวิธีที่ Data-Espresso ช่วยคุณได้

สรุปงาน Google I/O 2025 Update สำคัญที่ต้องอ่าน

อัปเดตล่าสุดจาก Google I/O 2025! สรุปไฮไลท์สำคัญ Gemini AI, Project Astra, Android 16 และนวัตกรรม AI อื่นๆ ที่ธุรกิจและนักพัฒนาต้องรู้ อ่านเลย!

SME ควรเริ่มลงทุนและใช้ AI อย่างไรให้ประสบความสำเร็จ

คู่มือฉบับสมบูรณ์สำหรับ SME ที่ต้องการเริ่มต้นลงทุนและนำ AI มาใช้ในธุรกิจอย่างมีกลยุทธ์ ตั้งแต่การวางแผน การเลือกเครื่องมือ จนถึงการวัดผล เพื่อเพิ่มศักยภาพและสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน
บทความก่อนหน้านี้
บทความถัดไป

Related Article

Perplexity เปิดตัว Labs: เขย่าวงการ AI ด้วยเครื่องมือสร้างคอนเทนต์แห่งอนาคต

Perplexity Labs คืออะไร? ค้นพบศักยภาพเครื่องมือ AI ใหม่จาก Perplexity ที่สร้างได้ทั้งรายงาน สเปรดชีต แดชบอร์ด และเว็บแอปฯ พร้อมวิธีที่ธุรกิจคุณจะนำไปใช้ประโยชน์ในการทำ AI consulting และ AI automation workflows

A2A (Agent to Agent) คืออะไร? ปฏิวัติการทำงานร่วมกันของ AI Agent

เจาะลึก A2A (Agent to Agent) โปรโตคอลเปิดที่ช่วยให้ AI Agent ต่างค่ายสื่อสารและทำงานร่วมกันได้ พร้อมประโยชน์สำหรับธุรกิจ SME และ AI consulting โดย Data-Espresso

MCP คืออะไร? เจาะลึกมาตรฐานใหม่ พลิกเกม AI Agent และ Workflow Automation

MCP (Model Context Protocol) คืออะไร? ทำความเข้าใจมาตรฐานเปิดที่ช่วยให้ AI Agent เชื่อมต่อข้อมูลภายนอกอย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมประโยชน์ ตัวอย่างการใช้งานใน n8n และอนาคตของ AI
สอบถามข้อมูล