ศึกชิงบัลลังก์ OpenAI จบลงแล้ว Sam Altman กลับมานั่งแท่น CEO อีกครั้ง

สวัสดีครับ วันนี้จะมาสรุปข่าวใหญ่ให้ฟัง เกี่ยวกับบริษัท OpenAI องค์กรวิจัยและพัฒนาปัญญาประดิษฐ์ (AI) ชื่อดังระดับโลก ที่ได้เกิดเหตุการณ์ชุลมุนวุ่นวายขึ้นเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เรื่องการเปลี่ยนแปลงผู้บริหารระดับสูงแบบช็อควงการ

เดิมที Sam Altman ดำรงตำแหน่ง CEO ของ OpenAI มาโดยตลอด เขาได้พาบริษัทก้าวขึ้นสู่ความสำเร็จมากมาย จากการวิจัยและพัฒนา AI ขั้นสูง เช่น GPT-3 โมเดลภาษาขนาดใหญ่ที่สามารถสร้างข้อความที่เหมือนมนุษย์ได้จริง ส่งผลให้ OpenAI กลายเป็นบริษัท AI ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในโลกภายในไม่ถึงปี

โดนปลดแบบฟ้าผ่า

แต่แล้วเมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน 2566 ที่ผ่านมา คณะกรรมการบริหารของ OpenAI ได้ประกาศปลด Sam Altman ออกจากตำแหน่ง CEO โดยให้เหตุผลว่าเขาไม่ได้สื่อสารกับคณะกรรมการอย่างตรงไปตรงมาทำให้คณะกรรมการไม่มีความมั่นใจในความสามารถของเขาในการเป็นผู้นำ OpenAI อีกต่อไป หลังจากงาน OpenAI Devday เพียงไม่กี่วัน

การตัดสินใจดังกล่าวสร้างความตกตะลึงให้กับทั้งพนักงานและวงการ AI ทั่วโลก มีการประท้วงต่อต้านการปลด Sam Altman จากพนักงานหลายร้อยคน หลายคนมองว่าการปลด Sam Altman เป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาด เพราะเขาคือผู้นำที่เก่งและมีประสบการณ์ในการนำพาบริษัทไปสู่ความสำเร็จ

นอกจากนี้ ยังมีกระแสข่าวลือว่า การปลด Sam Altman อาจเป็นฝีมือของ Microsoft บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ ซึ่งได้เข้ามาลงทุนใน OpenAI เมื่อปี 2019 บางคนมองว่า Microsoft อาจต้องการเข้ามามีอำนาจควบคุม OpenAI มากขึ้น ซึ่งการปลด Sam Altman ก็เป็นการเปิดทางให้ Microsoft เข้ามาแทรกแซงการบริหารงานของบริษัทได้

บอร์ดโดนกดดันจนต้องให้กลับมา

ท่ามกลางกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก คณะกรรมการบริหารของ OpenAI ได้เปลี่ยนใจ และประกาศคืนตำแหน่ง CEO ให้ Sam Altman อีกครั้งเมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2567 ที่ผ่านมา การตัดสินใจครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากมีการเจรจาระหว่าง Sam Altman และคณะกรรมการบริหารเป็นเวลาหลายวัน

การกลับมาของ Sam Altman ได้รับการต้อนรับจากพนักงานและวงการ AI ทั่วโลก หลายคนมองว่าการกลับมาของ Sam Altman จะช่วยให้ OpenAI กลับมาสู่เส้นทางเดิมได้อีกครั้ง

Sam Altman – OpenAI DevDay

บทเรียนจากศึกชิงบัลลังก์ OpenAI

ศึกชิงบัลลังก์ OpenAI ครั้งนี้ สะท้อนให้เห็นถึงการแข่งขันที่รุนแรงที่เกิดขึ้นในวงการ AI ในปัจจุบัน ซึ่งมีทั้งฝ่ายที่มองว่า AI ควรถูกพัฒนาอย่างอิสระ เพื่อประโยชน์ของมนุษยชาติ และฝ่ายที่มองว่า AI ควรอยู่ภายใต้การควบคุมของรัฐบาลหรือบริษัทขนาดใหญ่ เพื่อความปลอดภัยของสังคม

อย่างไรก็ตาม ศึกชิงบัลลังก์ OpenAI ครั้งนี้ ก็ยังทิ้งคำถามไว้มากมาย เช่น

• เหตุใดคณะกรรมการบริหารของ OpenAI จึงตัดสินใจปลด Sam Altman ในตอนแรก
• เหตุใด Microsoft จึงมีบทบาทสำคัญในการเปลี่ยนใจคณะกรรมการบริหาร
• ศึกชิงบัลลังก์ครั้งนี้ จะส่งผลกระทบต่อทิศทางการพัฒนา AI ในอนาคตอย่างไร

คงต้องติดตามกันต่อไปว่า ศึกชิงบัลลังก์ OpenAI ครั้งนี้ จะส่งผลกระทบต่อวงการ AI อย่างไร และ OpenAI จะก้าวต่อไปอย่างไรภายใต้การนำของ Sam Altman อีกครั้ง

บทวิเคราะห์ส่วนตัว

ส่วนตัวผมมองว่า การกลับมาของ Sam Altman ครั้งนี้ น่าจะเป็นผลดีต่อ OpenAI และวงการ AI โลก

Sam Altman เป็นผู้นำที่แข็งแกร่งและมีประสบการณ์ เขามีวิสัยทัศน์ในการนำพา OpenAI ไปสู่ความสำเร็จได้ และเขายังให้ความสำคัญกับการพัฒนา AI อย่างอิสระ ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่งสำหรับการพัฒนา AI ในอนาคต

นอกจากนี้ การกลับมาของ Sam Altman ครั้งนี้ น่าจะช่วยลดความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในวงการ AI ได้บ้าง เพราะ Sam Altman เป็นบุคคลที่เป็นที่ยอมรับจากทั้งฝ่ายที่มองว่า AI ควรถูกพัฒนาอย่างอิสระ และฝ่ายที่มองว่า AI ควรอยู่ภายใต้การควบคุม

อย่างไรก็ตาม ผมมองว่า ศึกชิงบัลลังก์ OpenAI ครั้งนี้ ยังเป็นบทเรียนสำคัญสำหรับวงการ AI โลก ว่าการพัฒนา AI นั้น จำเป็นต้องมีการถกเถียงและหาจุดร่วมกันของทุกฝ่าย เพื่อให้ AI เกิดประโยชน์สูงสุดต่อมนุษยชาติ

Ref: The verge