Telegram bot: ทางเลือกทดแทน LINE Notify 🚀

MAKETelegram bot: ทางเลือกทดแทน LINE Notify 🚀

สวัสดีครับเพื่อนๆ ชาว Data-Espresso! วันนี้ผมจะมาพูดถึงเรื่องที่หลายคนกำลังกังวล นั่นคือการที่ LINE Notify กำลังจะเลิกให้บริการในวันที่ 31 มีนาคม 2568 และ LINE Messaging API ที่ปรับราคาสูงขึ้น ทำให้หลายธุรกิจต้องหาทางเลือกใหม่ แล้วทางเลือกที่น่าสนใจนั้นคืออะไร? คำตอบคือ Telegram Bot นั่นเอง! เราไปดูกันเลยครับว่าทำไมมันถึงเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า 555+

ทำไม Telegram Bot ถึงเป็นทางเลือกที่ดีกว่า LINE Notify?

ผมว่ามีหลายบริษัทเลยที่ใช้ LINE Notify ในการทำ Notification หรือ Alert เพื่อแจ้งปัญหาการทำงาน การเลิกให้บริการของ Line Notify กำลังสร้างความปวดหัวให้หลายองค์กรแน่ๆ และการปรับราคาที่สูงขึ้นของ Messaging API ทำให้หลายคนมองหาทางเลือกอื่น ซึ่งจากการที่ผมได้ทดลอง ตัวเลือกที่น่าสนใจที่สุดตอนนี้คือ Telegram Bot ครับ!!

💡 ในความเห็นของผม: Telegram Bot บนน่าจะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับการทดแทน LINE Notify เพราะไม่มีค่าใช้จ่าย ใช้งานได้เหมือนเดิม หรือดีกว่าด้วยซ้ำ!

ลองมาเปรียบเทียบกันครับ:

คุณสมบัติLINE NotifyLINE Messaging APITelegram Bot
ค่าใช้จ่ายฟรี (แต่กำลังจะปิด)ใช้ฟรี 300 Message และ มีค่าใช้จ่าย (1,780 บาท/เดือนสำหรับแพ็กเกจ Pro)ฟรี 100%
ข้อจำกัดข้อความจำกัด– ฟรี 300 ข้อความ
– แพ็กเกจโปร จำกัด 35,000 ข้อความ/เดือน
ไม่จำกัด
(แต่มี rate limit)
ความสามารถแจ้งเตือนทางเดียวโต้ตอบได้ มีฟีเจอร์เพิ่มเติมโต้ตอบได้ ส่งสื่อได้หลากหลาย
การตั้งค่าง่ายต้องทำบน Line OA / Developer Consoleทำผ่าน Chat ที่เดียว
ความยั่งยืนกำลังจะยุติบริการอาจมีการเปลี่ยนแปลงในอนาคตอาจมีการเปลี่ยนแปลงในอนาคตเช่นกัน

เริ่มต้นใช้งาน Telegram Bot แทน LINE Notify

การย้ายจาก LINE Notify มาใช้ Telegram Bot ไม่ได้ยากอย่างที่คิด มาดูขั้นตอนง่ายๆ กันครับ:

1. ติดตั้งและสมัคร Telegram

การดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน

  • สำหรับ iOS: เข้าไปที่ App Store และค้นหาคำว่า “Telegram”
  • สำหรับ Android: เข้าไปที่ Google Play Store และค้นหาคำว่า “Telegram”
  • กดปุ่ม “Install” หรือ “ติดตั้ง” เพื่อดาวน์โหลดแอปลงเครื่องเป็นอันเรียบร้อยครับ

การลงทะเบียนใช้งาน

  • เปิดแอป Telegram และกดปุ่ม “Start Messaging”
  • เลือกประเทศของคุณ (สำหรับประเทศไทยให้ค้นหาคำว่า “th” และเลือก Thailand (+66))
  • ใส่หมายเลขโทรศัพท์มือถือของคุณ (ไม่ต้องใส่เลข 0 นำหน้า)
  • กดปุ่มยืนยัน (ปุ่ม “Done” หรือเครื่องหมายถูก)
  • ระบบจะส่งรหัส OTP ไปยังเบอร์โทรศัพท์ของคุณทาง SMS
  • ใส่รหัส OTP ที่ได้รับ (บางครั้งระบบอาจเติมรหัสให้อัตโนมัติ)
  • กรอกชื่อและนามสกุลของคุณ
  • เพิ่มรูปโปรไฟล์ (ขั้นตอนนี้สามารถทำภายหลังได้)

สำหรับคนที่ต้องการการสมัครแบบละเอียดสามารถดูได้ที่นี่ครับ รายละเอียดครบเลย https://files.urbanice.app/upload/Urbanice_Telegram_Notify.pdf

2. สร้าง Telegram Bot

ไปที่ Link นี้ครับเพื่อ แชทกับ BotFather https://telegram.me/BotFather

  1. หรือเปิด Telegram ขึ้นมาแล้วพิมพ์ค้นหา “BotFather” ใน Telegram และเริ่มแชท
  2. พิมพ์ /newbot เพื่อสร้างบอทใหม่
  3. ตั้งชื่อให้บอทของคุณ และตั้ง username (ต้องลงท้ายด้วย “bot”)
  4. บันทึก token ที่ได้รับไว้ (นี่คือ API key ของคุณ)

#funfact ในขณะที่ LINE มีขั้นตอนการสร้าง API ที่ซับซ้อนต้องทำหลายขั้นตอน หลายที่ แต่ Telegram สามารถสร้างบอทได้ในไม่กี่นาที ไม่ต้องรออนุมัติใดๆ! 555+

3. สร้างกลุ่มหรือแชนแนลใน Telegram

คุณสามารถเลือกได้ว่าจะส่งข้อความแจ้งเตือนไปที่:

  • แชทส่วนตัวกับบอท (ง่ายที่สุด)
  • Group กลุ่มที่มีบอทอยู่ด้วย (สำหรับทีมงาน)
  • Channel (สำหรับการกระจายข่าวสาร)

4. การหา Chat ID และ User ID 🔍

หนึ่งในประเด็นที่ทำให้หลายคนงงตอนเริ่มต้นคือการหา Chat ID และ User ID ซึ่งจำเป็นในการส่งข้อความ:

วิธีหา User ID:

  1. ส่งข้อความจากผู้ใช้ที่ต้องการหา ID ไปยัง @userinfobot ที่ https://telegram.me/userinfobot
  2. บอทจะตอบกลับด้วย User ID ให้จดและนำไปใช้ครับ นี่คือ ID ของเรา

ข้อควรระวังเมื่อย้ายจาก LINE Notify มาใช้ Telegram Bot

แม้ว่า Telegram Bot จะมีข้อดีมากมาย แต่ก็มีสิ่งที่ต้องระวังบ้าง:

1. การเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้ใช้

หากองค์กรหรือทีมของคุณคุ้นเคยกับ LINE Notify อาจต้องใช้เวลาในการปรับตัว:

  • แนะนำให้ติดตั้ง Telegram และเรียนรู้วิธีใช้งานเบื้องต้น
  • ทดสอบระบบให้มั่นใจก่อนยกเลิก LINE Notify อย่างสมบูรณ์
  • ให้เวลาทีมในการปรับตัวและรับฟังคำแนะนำ

2. ข้อจำกัดของ Telegram Bot

แม้จะมีข้อดีมากกว่า แต่ Telegram Bot ก็มีข้อจำกัดบางประการ:

  • มี rate limit ในการส่งข้อความ (ไม่เกิน 30 ข้อความ/วินาที)
  • ผู้ใช้ต้องเริ่มการสนทนากับบอทก่อน จึงจะสามารถรับข้อความได้
  • การใช้งานในประเทศไทยมีผู้ใช้น้อยกว่า LINE (สำหรับการใช้งานภายในองค์กรไม่มีผลกระทบ)

3. การเตรียมความพร้อมก่อน LINE Notify ปิดตัว

LINE Notify จะปิดให้บริการในวันที่ 31 มีนาคม 2568 คุณควร:

  • วางแผนการย้ายระบบล่วงหน้า
  • ทดสอบระบบใหม่ควบคู่ไปกับระบบเดิมก่อนการยกเลิก
  • แจ้งให้ทีมงานทราบและเตรียมความพร้อม

💡 จากประสบการณ์ส่วนตัว: ผมแนะนำให้เริ่มทดสอบระบบ Telegram Bot คู่ขนานไปกับ LINE Notify ที่ใช้อยู่ อย่างน้อย 1 สัปดาห์ เพื่อให้แน่ใจว่าทุกอย่างทำงานได้ตามที่ต้องการ ก่อนจะตัดสินใจย้ายระบบทั้งหมด

สรุป

การยุติบริการของ LINE Notify และการปรับราคาของ LINE Messaging API ที่สูงขึ้น อาจเป็นความท้าทายสำหรับหลายองค์กร แต่ก็เป็นโอกาสดีในการมองหาทางเลือกที่ดีกว่า

Telegram Bot บน ไม่เพียงแต่ทดแทนความสามารถของ LINE Notify ได้ทั้งหมด แต่ยังมอบประสบการณ์และความสามารถที่เหนือกว่าโดยไม่มีค่าใช้จ่าย ช่วยให้องค์กรประหยัดงบประมาณและเพิ่มประสิทธิภาพในการสื่อสารและแจ้งเตือนได้อย่างมาก

ถ้าให้ผมให้คะแนนความคุ้มค่าในการเปลี่ยนจาก LINE Notify มาใช้ Telegram Bot ผมให้ 10/10 เลยครับ! เพราะนอกจากจะฟรีแล้ว ยังมีความสามารถที่มากกว่า และไม่มีความเสี่ยงว่าจะปิดตัวในเร็วๆ นี้

อย่ารอให้ LINE Notify ปิดตัวก่อนแล้วค่อยรีบหาทางออก เริ่มวางแผนและทดลองใช้ Telegram Bot กับ Make.com ตั้งแต่วันนี้ เพื่อการเปลี่ยนผ่านที่ราบรื่นและไม่กระทบกับการทำงานครับ!

#dataespresso #automation #telegram #makecom #nocode #linenotify #alternativetoline

Short Link: https://data-espresso.com/rbcm

Related articles

อัปเดตใหญ่ Make.com กันยายน 2025: เจาะลึกฟีเจอร์ AI และ Automation ที่จะเปลี่ยนธุรกิจคุณ

สรุปฟีเจอร์ใหม่ล่าสุดจาก Make.com ประจำเดือนกันยายน 2025 ทั้ง Make AI Toolkit, การเชื่อมต่อ API ที่ง่ายขึ้น และแอปใหม่ๆ ที่จะช่วยให้ธุรกิจคุณทำงานอัตโนมัติและฉลาดขึ้น

สอน Make.com ฟรี: คู่มือเริ่มต้นสำหรับมือใหม่ 2025

เริ่มต้นใช้ Make.com สร้าง automation workflow แบบ no-code ง่ายๆ ด้วยคู่มือเริ่มต้นสำหรับมือใหม่ พร้อมตัวอย่างจริงที่ใช้ได้เลย

Make AI Content Extractor: เครื่องมือใหม่ สลายกองเอกสารให้เป็นข้อมูลพร้อมใช้ด้วย AI

แนะนำเครื่องมือใหม่ Make AI Content Extractor ที่ช่วยดึงข้อมูลจากไฟล์ PDF, Word, รูปภาพ, และเสียง ให้เป็นข้อมูลพร้อมใช้ใน Make.com ลดขั้นตอนทำงานซ้ำซ้อน!

เชื่อมต่อ Make.com กับ Trello: สร้าง Workflow อัตโนมัติ จัดการงานขั้นเทพ

เรียนรู้วิธีเชื่อมต่อ Make.com กับ Trello แบบ Step-by-Step เพื่อสร้าง Workflow อัตโนมัติ ประหยัดเวลา และจัดการโปรเจกต์อย่างมืออาชีพ ไม่ต้องเขียนโค้ด!

ให้ AI และ Make.com ช่วยทำงานที่ซ้ำๆ: ปลดล็อกศักยภาพระบบอัตโนมัติอัจฉริยะ

ค้นพบวิธีใช้ AI และ Make.com สร้างระบบอัตโนมัติที่ช่วยจัดการงานซ้ำซาก ลดเวลาทำงาน เพิ่มประสิทธิภาพ พร้อมตัวอย่างการใช้งานจริงและเทคนิคการตั้งค่า AI Agents

Related Article

อัปเดตใหญ่ Make.com กันยายน 2025: เจาะลึกฟีเจอร์ AI และ Automation ที่จะเปลี่ยนธุรกิจคุณ

สรุปฟีเจอร์ใหม่ล่าสุดจาก Make.com ประจำเดือนกันยายน 2025 ทั้ง Make AI Toolkit, การเชื่อมต่อ API ที่ง่ายขึ้น และแอปใหม่ๆ ที่จะช่วยให้ธุรกิจคุณทำงานอัตโนมัติและฉลาดขึ้น

Google AI Studio และเครื่องมือ AI จาก Google ครบทุกฟังก์ชัน

สำรวจ Google AI Studio แพลตฟอร์มพัฒนา AI บนคลาวด์ และเครื่องมือ AI อื่นๆ จาก Google เช่น Gemini, Imagen, Vertex AI เพื่อสร้างโซลูชันสำหรับธุรกิจของคุณ

AG-UI Protocol คืออะไร? มาตรฐานใหม่สร้าง AI Agent เชื่อมต่อแอปพลิเคชัน

ทำความรู้จัก AG-UI Protocol โปรโตคอลเปิดใหม่ที่ช่วยให้ AI Agent เชื่อมต่อกับ UI ได้แบบ Real-time เหมาะสำหรับธุรกิจที่ต้องการสร้าง AI Copilot และ Workflow Automation
สอบถามข้อมูล